“องุ่น” คือหนึ่งในสุดยอดผลไม้ที่เป็นที่ชื่นชอบของคนทุกเพศทุกวัย ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นเพศอะไร หรืออายุเท่าไหร่ และแน่นอนค่ะว่า ประโยชน์ขององุ่น นั้นก็มีมากมาย แต่โทษของมันนั้นก็น่ากลัวไม่แพ้กันหากคุณแม่ไม่รู้ วิธีผ่าองุ่น ที่ถูกต้อง
ก่อนที่เราจะไปอ่านประสบการณ์ตรงจากคุณพ่อคุณแม่ทางบ้าน เรามาทำความรู้จักกับองุ่นกันให้มากกว่าเดิมกันก่อนค่ะ คุณพ่อคุณแม่ทราบกันหรือไม่คะว่า องุ่นมีกี่สี และประโยชน์ขององุ่น และนอกจากความแตกต่างในเรื่องของสีนั้น ประโยชน์ขององุ่น ก็ยังแตกต่างกันอีกด้วยค่ะ ยกตัวอย่างเช่น
นี่คือประโยชน์ขององุ่น กับข้อเสียที่ไม่ควรมองข้าม!
พร้อม วิธีผ่าองุ่น ให้ลูกกินอย่างถูกต้องปลอดภัย!
เครดิตรูปภาพจาก: ASTV ผู้จัดการ
องุ่นสีเขียว มีคุณสมบัติเป็นสารแอนติออกซิแดนต์ เช่น คาเทชิน และเทอโรสติลบีน จึงช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านมโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคของระบบประสาท โรคอัลไซเมอร์ และ ลิวคีเมียตลอดจนป้องกันการติดเชื้อราและเชื้อไวรัสต่าง ๆ
องุ่นแดง ซึ่งมีสารอาหารสำคัญ คือ เรสเวอราทรอล ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยป้องกันโรคหัวใจ โรคมะเร็ง และช่วยชะลอวัย นอกจากนี้ยังมีสารซาโพนิน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านแบคทีเรียไวรัส ป้องกันเนื้องอก ลดการดูดซึมของคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ซึ่งส่งผลต่อการป้องกันโรคหัวใจเช่นกัน
องุ่นดำ โดยสถาบันการแพทย์ Mayo Clinic แนะนำว่าถ้าต้องการลดน้ำหนัก ให้รับประทานองุ่นดำวันละ 1 ครั้ง จะทานเป็นของเล่นหรือใส่ในสลัดก็ได้ เพราะจากการศึกษาพบว่า องุ่นดำอุดมด้วยไฟเบอร์ ทำให้รู้สึกอิ่มและให้แคลลอรีต่ำ ทำให้การทำงานของลำไส้เป็นไปตามปกติ สารแอนติออกซิแดนต์ในองุ่นดำยังช่วยในการขับท็อกซินออกจากร่างกาย ซึ่งช่วยให้กระบวนการลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากขึ้น
องุ่นแดง มีสารอาหารสำคัญ คือ เรสเวอราทรอล ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยป้องกันโรคหัวใจ โรคมะเร็ง และช่วยชะลอวัย นอกจากนี้ยังมีสารซาโพนิน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านแบคทีเรียไวรัส ป้องกันเนื้องอก ลดการดูดซึมของคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ซึ่งส่งผลต่อการป้องกันโรคหัวใจ ได้ด้วยเช่นกัน
เห็นไหมคะว่า ประโยชน์ขององุ่น นั้น มีมากมายหลากหลายเสียจริง ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ประโยชน์อย่างเดียวเท่านั้นนะคะ โทษขององุ่นนั้นก็ร้ายแรงไม่แพ้กันเลยละค่ะ โดยโทษที่ว่านี้สามารถพรากเอาชีวิตของคนที่เรารักไปได้อย่างง่ายดาย จะเป็นอย่างไรนั้น เราไปอ่าน 2 เรื่องอุทาหรณ์ที่เกิดขึ้นกับสองครอบครัวที่เกือบจะสูญเสียคนที่รักไปเพียงเพราะ “องุ่นเพียงเม็ดเดียว”
คลิกอ่าน “เรื่องราวดังกล่าวเพิ่มเติม” ได้ที่หน้าถัดไปค่ะ
เครดิต: ผู้จัดการ