account_circle
เพื่อสร้างลูกน้อยยุค 5G ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สมองพร้อมเรียนรู้ LPR โพรไบโอติก เกรด A ถือเป็นตัวช่วยสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
LPR คืออะไร โพรไบโอติก ดีต่อลูกน้อยอย่างไร พ่อแม่ต้องรู้จัก
หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า LPR คืออะไร แต่ก่อนไปทำความความรู้จักว่า LPR คืออะไร คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมคะ ว่าการลดความเสี่ยงการเจ็บป่วยในเด็กทารกแรกเกิด ไปจนถึงวัยขวบ จะช่วยให้ลูกน้อยมีพัฒนาการการเจริญเติบโตด้านร่างกาย และพัฒนาการการเรียนรู้อย่างไม่สะดุด ซึ่งจากจุดเริ่มต้นที่แข็งแกร่งของสุขภาพจะส่งผลต่ออนาคตที่ดีของลูกน้อยในทุกๆด้าน เพื่อการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ
การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้กับร่างกายของลูกน้อย คุณแม่สามารถเริ่มต้นได้ด้วยสุดยอดอาหารจากธรรมชาติ นั่นก็คือ “น้ำนมแม่” ในน้ำนมแม่ตั้งแต่หยดแรกอุดมไปด้วยสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด อีกทั้งยังมีจุลินทรีย์ดีหรือที่เรียกว่าโพรไบโอติก หลายชนิด เช่น LPR ที่มีคุณประโยชน์มากสำหรับเด็ก
LPR โพรไบโอติก ในนมแม่คืออะไร ?
เพื่อให้ว่าที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ได้เห็นถึงความสำคัญในการดูแลลูกน้อยให้มีสุขภาพที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เราจะไปทำความรู้จักกับองค์ประกอบหนึ่งในนมแม่ซึ่งนั่นก็คือ จุลินทรีย์ LPR โพรไบโอติก กันค่ะ
LPR โพรไบโอติก เป็นหนึ่งในจุลินทรีย์สุขภาพที่มีประโยชน์ที่พบในน้ำนมแม่ มีความสำคัญในการช่วยเสริมสร้าง ระบบทางเดินอาหารและลำไส้ให้มีความสมดุล ส่งผลต่อเนื่องด้วยคุณประโยชน์หลายอย่าง ตัวอย่างที่ชัดเจนเช่น เด็กที่ได้รับนมแม่ตั้งแต่แรกเกิด จะมีภูมิต้านทานร่างกายที่แข็งแรง ช่วยลดอัตราความเสี่ยงในการเกิดความเจ็บป่วย ไม่สบายได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงควรส่งเสริมให้ลูกน้อยได้กินนมแม่กันค่ะ
อีกทั้ง LPR โพรไบโอติก ยังมีงานวิจัยทางการแพทย์รองรับมากที่สุดจนเป็นที่ยอมรับ ว่ามีคุณประโยชน์ที่ดีต่อเด็ก โดยได้มีการศึกษาถึงประโยชน์มาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 30 ปี นอกจากน้ำนมแม่ที่พบว่ามีจุลินทรีย์ LPR โพรไบโอติก ก็ยังพบว่ายังมีจุลินทรีย์ชนิดนี้อยู่ในแหล่งอาหารที่มาจาก โยเกิร์ต และนมบางชนิดอีกด้วยนะคะ
ประโยชน์ของโพรไบโอติก จุลินทรีย์ LPR ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องห้ามพลาด!!
กราฟแสดงค่าความเสี่ยงสัมพัทธ์เปรียบเทียบความเสี่ยงการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจในเด็ก
ระหว่างกลุ่มที่ได้รับ LPR โพรไบโอติกและกลุ่มควบคุม
(reference: Hojsak I, et. al. Clin Nutr. 2010 Jun;29(3):312-6.)
1. LPR โพรไบโอติกช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ โดยมีงานวิจัยเกี่ยวกับจุลินทรีย์ LPR และความสามารถในการปกป้องระบบทางเดินหายใจในเด็กอายุ 1-7 ปี พบว่าช่วยลดความเสี่ยงของการ ติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนบนได้ถึง 37%
2. LPR โพรไบโอติกมีส่วนช่วยเรื่องการขับถ่ายอุจจาระ ทำให้ขับถ่ายสะดวก ลดการเกิดปัญหาท้องผูก
3. LPR โพรไบโอติกมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของลำไส้ ช่วยให้ดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น
4. LPR โพรไบโอติกช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มให้ร่างกายมีความแข็งแกร่ง ทำให้มีสุขภาพดี ไม่เจ็บป่วยได้ง่าย เด็ก ๆ จะเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีปัญหาการเจ็บป่วยมาขัดขวางพัฒนาการในทุกช่วงวัย
5. LPR โพรไบโอติกมีส่วนช่วยในการทำงานของสมอง ทำให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีสมวัย LPR เป็นจุลินทรีย์ในกลุ่ม Lactobacillus ซึ่งมีผลการศึกษาว่าจุลินทรีย์กลุ่มนี้มีส่วนช่วยในการทำงานของสมอง อย่างมีประสิทธิภาพ
ในเด็กเล็ก ๆ ภูมิต้านทานของร่างกายยังมีไม่มากพอที่จะสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคที่มีอยู่รอบตัว จึงทำให้เกิด การเจ็บป่วยไม่สบายได้ง่าย การเจ็บป่วยบ่อยๆ ส่งผลต่อพัฒนาการที่อาจสะดุดลงได้ค่ะ วิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยลูกน้อย ให้มีสุขภาพแข็งแรง ร่างกายที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในช่วงวัย 1-7 ปี ให้มีช่วงวัยของการเรียนรู้ที่สดใสและสามารถนำ ไปต่อยอดในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณพ่อคุณแม่ต้องเริ่มต้นดูแลลูกน้อยด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในระยะยาวนะคะ
นับว่าประโยชน์ของโพรไบโอติกนั้นมีมากมาย LPR โพรไบโอติก เกรด A เป็นหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้เด็กมีระบบภูมิคุ้มกัน ที่ดี ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และเมื่อเด็กไม่เจ็บป่วย สมองก็พร้อมเรียนรู้ในทุก ๆ วัน เด็กยุคนี้ต้องสตรอง ร่างกายแข็งแกร่ง มีความเก่งเฉพาะตัวที่ช่วยให้พร้อมสู่โลกอนาคต
อ่านข้อมูลน่ารู้อื่นๆ เกี่ยวกับ LPR โพรไบโอติกได้ที่
https://www.nestlemomandme.in.th/lpr-benefits
#LPRโพรไบโอติกเกรดA #ภูมิคุ้มกัน
Reference:
– 1. Floch MH, et. al. J Clin Gastroenterol 2015; 49:S69-S73
– 2. Lara-Villoslada F, et al. Br J Nutr. 2007 Oct;98 Suppl 1:S96-100.
– 3. Sun J, et al. J Dairy Sci. 2019 Jul;102(7):5971-5978.
– 4. Fox MJ, et al. BMJ Open. 2015 Jan 14;5(1):e006474
– 5. Hojsak I, et. al. Clin Nutr. 2010 Jun;29(3):312-6.
– 6. Kort R, et. al., Microb Cell Fact. 2015 Dec 8;14:195.
– 7. Sanborn V. Neuropsychiatr Dis Treat. 2020 Nov 13;16:2765-2777.
– 8. Gratz S. et. al., Appl Environ Microbiol. 2006 Nov;72(11):7398-400.