อะโวคาโดจัดว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพและถูกยกให้เป็น superfood ที่มีคุณค่าทางอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเมื่อเทียบกับผลไม้ชนิดอื่นอยู่หลายชนิด ซึ่งดีสำหรับคนท้องที่จะรับประทานในระหว่างตั้งครรภ์ ประโยชน์ของอะโวคาโด นั้นมีมากมายที่ดีต่อสุขภาพคุณแม่และการเจริญเติบโตของทารกในท้อง
อะโวคาโด (Avocado) อาจจะเป็นผลไม้ที่คุณแม่หลายคนเคยชิมแล้วรู้สึกแปลก ๆ เพราะมันอาจจะมีรสชาติที่แตกต่างจากผลไม้ทั่วไป คล้ายกับเนยที่มีจากนมวัว ดูแล้วเหมือนเป็นผลไม้ที่มีไขมันสูง แต่ความจริงแล้ว ได้มีงานของนักโภชนาการและนักวิทยาศาสตร์การอาหารหลายสำนัก ระบุตรงกันว่า อะโวคาโด ไม่ได้ส่งผลทำให้อ้วน ในเนื้อผลอะโวคาโดแต่ละพันธุ์จะประกอบด้วยไขมันชนิดไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวประมาณ 4-20% ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และประกอบด้วยไขมันชนิดที่ดี ซึ่งทำให้ระดับคอเลสเตอรอลตัวไม่ดี (LDL) หรือ ไขมันเลวในเลือดลดลงได้อีกด้วย
เมื่อเทียบกับผลไม้อื่น อะโวคาโดนับว่าเป็นผลไม้ที่มีสารอาหารแน่นทั้งวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ มากกว่า 20 ชนิด ในอะโวคาโด 100 กรัม มีคุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้
- วิตามิน B5 14 เปอร์เซนต์ (ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน)
- วิตามิน B6 13 เปอร์เซนต์ (ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน)
- วิตามิน C 17 เปอร์เซนต์ (ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน)
- วิตามิน E 10 เปอร์เซนต์ (ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน)
- วิตามิน K 26 เปอร์เซนต์ (ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน)
- โพแทสเซียม 14 เปอร์เซนต์ (ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน)
- โฟเลต 20 เปอร์เซนต์ (ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน)
- รวมทั้งแร่ธาตุและวิตามินที่สำคัญอีกมากมาย ได้แก่ แมกนีเซียม แมงกานีส ทองแดง เหล็ก สังกะสี ฟอสฟอรัส และวิตามินเอ, วิตามิน B1, B2, และวิตามินบี 3 โปรตีน ไขมันดี 15 กรัม คาร์โบไฮเดรต และไฟเบอร์
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสารอาหารของแม่ขณะตั้งครรภ์ทุกวัน และมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาของทารกในครรภ์อีกด้วย
12 ประโยชน์ของอะโวคาโด สำหรับคนท้อง ดีต่อแม่และลูกน้อย
1.ป้องกันความพิการแต่กำเนิดของทารกในครรภ์
อะโวคาโดถ้วยเดียวมีสารอาหารเกือบเท่ากับสารอาหารโฟเลตที่ร่างกายต้องการต่อวัน พบว่ามีโฟเลตมากถึง 150 ไมโครกรัมต่ออะโวคาโดครึ่งลูก ซึ่งโฟเลตจัดเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับแม่ท้องตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนถึงให้นมลูกหลังคลอด เป็นสารอาหารที่ช่วยป้องกันการเกิดความพิการของทารกตั้งแต่เริ่มสร้างร่างของตัวอ่อนในครรภ์ ช่วยให้ลูกในท้องมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ได้ เนื่องจากทารกในครรภ์นั้นต้องการกรดโฟลิกหรือโฟเลตที่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตและการพัฒนาของอวัยวะ นอกจากนี้หากว่าร่างกายของแม่ท้องได้รับสารโฟเลตอย่างเต็มที่ก็จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจ หัวใจวาย ความดันเลือดได้
2.มีส่วนช่วยพัฒนาสมองของทารกในครรภ์
ในอะโวคาโดหนึ่งถ้วยมีโคลีน 22 มก. ที่เป็นสารอาหารจำเป็นต่อการพัฒนาสมองและเส้นประสาทของทารกในครรภ์และการพัฒนาของเส้นประสาท มีโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ที่ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันการเสื่อมของสมองและระบบประสาท
3.ป้องกันโรคโลหิตจาง
การขาดธาตุเหล็กในระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจางในหญิงตั้งครรภ์ ในอะโวคาโดมีปริมาณธาตุเหล็กจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยป้องกันจากภาวะโรคโลหิตจางในระหว่างตั้งครรภ์
4.ลดอาการท้องผูก
อาการท้องผูกถือเป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นได้กับแม่ท้องในระหว่างตั้งครรภ์แทบทุกคน ในอะโวคาโดประมาณครึ่งผล ประกอบไปด้วยใยอาหาร 5 กรัม และมีโปรตีนที่สูงกว่าผลไม้ชนิดอื่นซึ่งเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย จึงช่วยในการย่อยอาหารและช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ปลดล็อกอาการท้องถูกของคุณแม่ตั้งครรภ์ให้สบายขึ้นและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้
5.ลดอาการแพ้ท้อง
อาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียนที่จะทำให้คุณแม่เหนื่อยและอ่อนเพลียในช่วงสามเดือนแรก วิตามินซีในอะโวคาโดจะสามารถช่วยคุณแม่บรรเทาอาการนี้ลงได้ ทั้งยังช่วยป้องกันหวัดและเลือดออกตามไรฟันอีกด้วย
6.ลดความเสี่ยงเบาหวานขณะตั้งครรภ์
อะโวคาโด อุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว เป็นไขมันที่ย่อยง่ายมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือดระหว่างตั้งครรภ์ จึงเป็นผลไม้สำหรับคุณแม่ที่เป็นโรคเบาหวานหรือป้องกันภาวะเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์รับประทานได้
7.ลดอาการตะคริว
ตะคริวเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ในคนท้อง โพแทสเซียมและแคลเซียมในอะโวคาโดจะมีส่วนช่วยลดอาการตะคริว บรรเทาอาการปวดขาให้คุณแม่ได้
8.ช่วยในการดูดซึมสารอาหาร
อะโวคาโดไม่เพียงให้สารอาหารที่หลากหลายเท่านั้น แต่ปริมาณโปรตีนในอะโวคาโดจะยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารที่ละลายไขมันได้มากขึ้นจากอาหารอื่น ๆ เมื่อรับประทานร่วมกัน เช่น มันเทศ ผักใบเขียว และแครอท เป็นต้น
9.ลดความเสี่ยงของภาวะครรภ์เป็นพิษ
ในร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์จะมีการเปลี่ยนแปลงของสรีระเพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงเด็กทารกในครรภ์ได้ดีขึ้น เพราะฉะนั้นความดันโลหิตของคุณแม่ตั้งครรภ์ จึงมีโอกาสที่จะเกิดความดันต่ำและความดันสูง โดยเฉพาะในช่วงตั้งครรภ์ใหม่ ๆ จะมีความดันโลหิตที่ต่ำลงจนถึงช่วงกลางของการตั้งครรภ์ และการเกิดความดันสูงระหว่างการตั้งครรภ์ ในกรณีที่คุณแม่เป็นความดันสูงก่อนการตั้งครรภ์ หรือคุณแม่ตั้งครรภ์ที่เดิมมีความดันปกติ แต่เมื่อตั้งครรภ์เป็นความดันสูงก็อาจจะทำให้เกิดภาวะครรภ์เป็นพิษได้ ดังนั้นการได้กินอาหารที่มีโพแทสเซียมในปริมาณที่มากพอระหว่างตั้งครรภ์จะสามารถช่วยลดระดับความดันโลหิตสูงได้ ซึ่งในอะโวคาโดมีแร่ธาตุโพแทสเซียมสูงมาก อะโวคาโดขนาด 100 กรัม มีปริมาณโพแทสเซียม 14 เปอร์เซนต์ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ก็จะช่วยลดโอกาสการเกิดครรภ์เป็นพิษต่อแม่ท้องลงได้ด้วย
10.ช่วยควบคุมน้ำหนักขณะตั้งครรภ์
คุณแม่จะมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษตลอดการตั้งครรภ์ และถึงแม้ว่าเรื่องอาหารเป็นสิ่งสำคัญในตอนท้อง แต่ขณะเดียวกันการรับประทานมากเกินไป อาจจะทำให้น้ำหนักตัวของคุณแม่ท้องเพิ่มมากเกินความจำเป็น ซึ่งก็จะส่งผลต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ได้ ดังนั้นการดูแลน้ำหนักตัวของแม่ท้องนั้นควรเพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่เหมาะสม และควรเลือกกินอาหารเป็นพิเศษ ซึ่งการกินอะโวคาโดจะช่วยแม่ท้องควบคุมน้ำหนักไม่ทำให้อ้วนหรือมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น และยังได้รับคุณค่าทางโภชนาการสูง มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เนื่องจากในอะโวคาโดมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำ มีน้ำตาลต่ำ มีโปรตีนสูง และมีไฟเบอร์สูงถึง 14 กรัม จึงช่วยลดโอกาสในการเพิ่มน้ำหนักอย่างมาก และมีไขมันชนิดที่ดี ไม่มีคอเลสเตอรอลหรืโซเดียม และมีไขมันอิ่มตัวต่ำ แต่ให้พลังงานและทำให้รู้สึกอิ่มท้องนานขึ้น อะโวคาโดสุก 100 กรัมหรือเพียงครึ่งผลก็เหมาะสำหรับทานเป็นมื้อว่างระหว่างวันของคุณแม่ท้องได้
11.ช่วยบำรุงประสาทและสมอง
ในอะโวคาโดมีกรดโอเลอิกสูง มีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ที่มีส่วนช่วยบำรุงระบบประสาทและสมองให้ทำงานได้ดีขึ้น เป็นประโยชน์ต่อทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์
12.ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายคุณแม่ขณะตั้งครรภ์
ในผลอะโวคาโดมีวิตามินหลากหลายชนิดที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน อาทิเช่น วิตามินซีช่วยป้องกันหวัดได้ อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดโรคเลือดออกตามไรฟัน วิตามินเอช่วยบำรุงสายตา วิตามินบีป้องกันการเกิดโรคปากนกกระจอก และช่วยป้องกันการเกิดโรคเหน็บชา วิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ช่วยป้องกันเซลล์ในร่างกายไม่ให้ถูกทำลายจากมลพิษรอบตัวทั้งจากภายในและภายนอก และช่วยให้ระบบการทำงานภายในร่างกายแข็งแรง ช่วยป้องกันร่างกายจากโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ เช่น ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากและลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมในผู้หญิงได้ เป็นต้น
กินอะโวคาโดอย่างไรได้ประโยชน์สำหรับแม่ท้อง
ถึงแม้อะโวคาโดจะเป็นผลไม้ที่ดูรูปร่างแปลกตา แถมยังมีรสชาติจืด ๆ เนื้อเนียน ๆ แต่เราก็เห็นแล้วว่าคุณค่าสารอาหารในอะโวคาโดนั้นอัดแน่นมากมายสำหรับคุณแม่ตั้งแม่ตั้งครรภ์และดีต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของทารกขนาดไหน อย่างไรก็ตามอะโวคาโดก็เหมือนกับอาหารอื่น ๆ ที่มีพลังงาน การทานที่ให้ผลดีต่อคนท้องที่สุดคือ รับประทานครั้งละไม่เกินครึ่งผล (100 กรัม) หรืออย่างมากที่สุดไม่เกิน 1 ผลต่อวัน และควรทานควบคู่กับอาหารอื่นให้หลากหลาย ก็จะได้รับคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมต่อรางกาย หากรับประทานมากเกินไปก็จะทำให้เกิดแก๊สในลำไส้มาก อาจส่งผลให้เกิดอาการแพ้ท้องมากยิ่งขึ้น หรือทำให้เกิดอาการร้อนใน แน่นท้อง จุกเสียด ไม่สบายตัว เกิดกรดไหลย้อน
ควรเลือกกินอะโวคาโดสุก ส่วนผลที่ดิบสีเขียวไม่ควรรรับประทาน เพราะมีสารแทนนินในปริมาณจะมีรสขม เมื่อกินเข้าไปอาจทำให้เกิดอาการปวดหัวได้ หรือบางรายอาจมีอาการแพ้อะโวคาโด โดยอาจจะแพ้ในรูปของละอองเกสร หรือแพ้หลังจากการรับประทานไปแล้วก็ได้ อาการที่ปรากฏ ได้แก่ ปวดท้อง อาเจียน ผื่นคัน ลมพิษ หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากสังเกตุอาการแพ้เหล่านี้ควรหยุดกินและรีบไปพบแพทย์ทันทีนะคะ.
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : www.momjunction.com, www.cheewajit.com
อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก :
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่