แม่ท้องมือใหม่ ดูแลตัวเองได้ราวมืออาชีพ
แม่ท้องมือใหม่

แม่ท้องมือใหม่ ดูแลตัวเองได้เหมือนมืออาชีพ

Alternative Textaccount_circle
event
แม่ท้องมือใหม่
แม่ท้องมือใหม่

ยาสำคัญ บำรุงแม่และลูกน้อย

ยาบำรุงสำหรับแม่ท้องมีวางขายอยู่มากมายหลายขนาน  แต่ยาที่มีประโยชน์กับแม่ท้องจริงๆ และหมอแนะนำให้คุณแม่รับประทาน  มีเพียงยาบางชนิดเท่านั้นเองค่ะ

  • โฟลิกหรือโฟเลต

หมอแนะนำให้กิน 0.4 มิลลิกรัมต่อวันตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ประมาณ 1 เดือน  ไปจนถึง 3 เดือนหลังตั้งครรภ์  ยาตัวนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการพิการบางอย่างได้  เช่น  ปากแหว่งเพดานโหว่  หรือท่อประสาทสันหลังไม่ปิด  อีกทั้งยังเป็นยาที่ช่วยบำรุงระบบประสาทของลูกด้วยค่ะ

  • ยาเสริมธาตุเหล็ก

มีผลการวิจัยทางการแพทย์รองรับว่าสำคัญกับแม่ท้องอย่างมาก  เนื่องจากลูกดึงธาตุเหล็กของคุณแม่ไปใช้ตลอดเวลา  และในร่างกายแม่ท้องจะมีปริมาณน้ำเลือดเพิ่มมากขึ้น  ขณะที่เม็ดเลือดยังเท่าเดิม  ทำให้คุณแม่เกิดภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็ก  ยาเสริมธาตุเหล็กจึงไปช่วยในการสร้างเม็ดเลือดให้คุณแม่  แต่ปัญหาอยู่ที่การกินธาตุเหล็กอาจไปเพิ่มอาการคลื่นไส้อาเจียนในช่วงไตรมาสที่ 1  หมอจึงแนะนำให้กินธาตุเหล็กในไตรมาสที่ 2 ขึ้นไปจนหลังคลอด  คุณแม่จะได้สามารถเสียเลือดในระหว่างคลอดได้โดยที่ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนค่ะ  นอกจากนี้ธาตุเหล็กอาจส่งผลข้างเคียงได้บ้าง  เช่น  ทำให้คลื่นไส้  ถ่ายดำ  หรือท้องผูก  แต่ก็มีความสำคัญและแม่ท้องจำเป็นต้องกินค่ะ

  • ยาเสริมแคลเซียม

แม่ท้องต้องการแคลเซียมประมาณ 1000 มิลลิกรัมต่อวัน  หากคุณแม่ได้รับแคลเซียมจากอาหารที่กินอยู่เพียงพอ  หมอจะไม่แนะนำให้กินเสริมอีกค่ะ  อาหารที่มีแคลเซียมสูงนอกจากนม ยังมีผักใบเขียว  กุ้งหรือปลาตัวเล็ก  เต้าหู้  ถั่วเหลือง  เนื้อสัตว์  ไข่ไก่  กะปิ  ฯลฯ  คุณแม่บางคนเข้าใจว่าแคลเซียมมาจากนมอย่างเดียว  ก็จะพยายามกินนมเยอะๆ  ทำให้ร่างกายได้รับอาหารประเภทนมมากเกินไป  ส่งผลให้เด็กแพ้นมวัวกันมากมายอย่างที่เห็นในปัจจุบัน  เพราะฉะนั้นเลือกกินอาหารที่มีแคลเซียมให้หลากหลายและกินสลับกันไปดีกว่าค่ะ

ซื้อยาบำรุงกินเอง ต้องระวังอันตราย

วิตามินบางอย่างหากได้รับมากๆ อาจมีผลเสียได้  โดยเฉพาะยาเสริมวิตามินรวมและน้ำมันตับปลาซึ่งอาจจะมีปริมาณของวิตามินบางชนิดที่มากเกินความจำเป็น และร่างกายไม่ต้องการ โดยเฉพาะวิตามินเอในยารักษาสิวแบบกิน  หากคุณแม่ใช้ยาทาแต้มผิวเพียงเล็กน้อยหมอก็ยังอนุโลมให้ใช้ได้  แต่ยากินรักษาสิวหรือโรแอคคิวเทนซึ่งสะกัดจากวิตามินเอเข้มข้น  อันนี้หมอขอห้ามเด็ดขาดทั้งในแม่ท้องและแม่ที่กำลังวางแผนจะมีลูก  เพราะมีรายงานชัดเจนว่ามีแนวโน้มทำให้เด็กพิการถึง 26 เท่าเมื่อเทียบกับคนปกติค่ะ

ลูกน้อยในช่วงไตรมาสแรกกำลังพัฒนาโครงสร้างร่างกายอย่างต่เนื่อง  คุณแม่จึงควรระวังสิ่งที่อาจมากระตุ้นหรือทำให้การพัฒนาโครงสร้างผิดปกติ  เช่น การใช้ยา  อาหารเสริม  หรือวิตามินอื่นๆ ที่ไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์  เพราะแม้จะเป็นยาบำรุงหรือยารักษาโรคก็มีอยู่หลายกลุ่ม  บางกลุ่มปลอดภัย มีผลกระทบต่ำไปจนถึงมีผลกระทบสูง  และอันตรายมาก  หากคุณแม่อยากกินยานอกเหนือจากที่หมอแนะนำ  หรือเจ็บป่วยแล้วมีความจำเป็นต้องกินยารักษาโรค  แม้จะเป็นยาสามัญประจำบ้านทั่วไปก็ควรปรึกษาหมอก่อนนะคะ

แม่ท้องอยากสวย & เฟิร์ม

หมอไม่แนะนำการทำเลเซอร์หรือการฉีดสารต่างๆ เพื่อความงามสำหรับแม่ท้อง  เพราะยังไม่มีงานวิจัยรับรองว่าปลอดภัยสำหรับเด็กจริง  แต่ครีมหรือโลชั่นทาผิวที่มีมาตรฐานรับรองยังใช้ได้ค่ะ  ส่วนการออกกำลังกาย  สำหรับคุณแม่ที่สมบูรณ์แข็งแรง  ไม่มีภาวะเสี่ยง ไม่มีโรคประจำตัว ยังทำได้ตามปกติ  เพียงแต่ไม่ควรหักโหมเท่าตอนก่อนตั้งครรภ์และหลีกเลี่ยงท่าออกกำลังกายที่เกี่ยวกับข้อต่อ  เพราะข้อกระดูกของแม่ท้องจะหลวมกว่าปกติ  และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการปะทะ  การชน  การล้ม  และการกดทับบริเวณหน้าท้อง  การออกกำลังกายที่หมอแนะนำคือ  การว่ายน้ำ  เพราะน้ำจะช่วยพยุงน้ำหนักให้ไม่เกิดการบาดเจ็บต่อหน้าท้องและข้อต่อต่างๆ  โยคะก็ทำได้นะคะ  แต่ต้องหลีกเลี่ยงท่านอนคว่ำนอนหงายต่างๆ ที่เสี่ยงต่อการทับท้องและทับเส้นเลือด  ซึ่งอาจทำให้คุณแม่เวียนหัวและความดันตกได้ค่ะ

หมอฝากถึงแม่ท้องมือใหม่

หมอไม่อยากให้คุณแม่กังวลมากจนเกินไป  เพราะกระบวนการตั้งครรภ์เป็นเรื่องธรรมชาติ  คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร  ซึ่งหากคุณแม่ดูแลตัวเองดีแล้ว  แต่ยังมีปัญหาแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ นั่นอาจเป็นสิ่งที่คุณแม่ควบคุมไม่ได้  เพราะการแท้งมีหลายปัจจัย  ทั้งเกิดจากตัวเด็กเองที่มีปัญหา  ซึ่งหากเด็กไม่มีความสมบูรณ์  เขาก็จะแท้งไปเองเป็นกลไกตามธรรมชาติ  คุณแม่เพียงแค่ทำใจให้สบาย  ใช้ชีวิตตามปกติ  ไม่เครียด  กินอาหารที่มีประโยชน์ให้หลากหลาย  กินยาตามแพทย์สั่ง  เพียงเท่านี้ก็ถือว่าคุณแม่ทำได้ดีที่สุดแล้วค่ะ

banner300x250

ที่มา: นิตยสารอมรินทร์เบบี้แอนด์คิดส์ ฉบับ มกราคม 2559

บทความโดย: กองบรรณาธิการนิตยสารฯ

ภาพ: Shutterstock

Save

Save

Save

Save

Save

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up