คุณพ่อคุณแม่ คงได้ยิน ชื่อของ “สฟิงโกไมอีลิน”มากันบ้างแล้ว แต่อาจจะมีคุณพ่อคุณแม่บางคนสงสัยว่า สฟิงโกไมอีลิน คืออะไร มีความสำคัญกับลูกน้อยอย่างไรกันบ้าง ซึ่งเราได้มีโอกาสไปคุยกับศาสตราจารย์ ฌอน ดีโอนี จาก Brown University ที่บินตรงจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่จะมาช่วยไขความลับว่าทำไมคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่จึงไม่ควรมองข้ามสารอาหารชนิดนี้
ความเป็นมาเป็นไปของ สารอาหารที่ชื่อว่า สฟิงโกไมอีลิน
ศาสตราจารย์ฌอน ดีโอนี ศาสตราจารย์ จาก Brown University ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมกันนี้ท่านยังเป็นผู้อำนวยการแผนกวิจัยเครื่องสร้างภาพสนามแม่เหล็ก (MRI) สำหรับผู้หญิงและเด็ก โรงพยาบาล โรดส์ ไอแลนด์ อีกทั้งยังมีผลงานตีพิมพ์เอกสารทางวิชาการมากกว่า 69 ผลงาน และมีหนังสือที่ร่วมเขียนกว่า 10 เล่ม โดยเป็นการศึกษาเกี่ยวกับสมองเฉพาะของเด็ก รวมไปถึงยังได้รับทุนการวิจัยจากสถาบันวิจัยสุขภาพแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ National Institutes of Health (NIH) กว่าอีก 20 ล้านเหรียญสหรัฐด้วย
ซึ่งการศึกษาวิจัยที่ทางศาสตราจารย์ฌอนเน้นหนัก คือ ทารกจะโตขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ และสุขภาพดีได้อย่างไร ซึ่งการศึกษาของท่านก็จะมีการศึกษาความสัมพันธ์ของยีน โภชนาการที่เด็กๆและคุณแม่ได้รับ รวมไปถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างคุณพ่อคุณแม่และเด็ก โดยเป็นการศึกษาแบบองค์รวมว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่อการพัฒนาของเด็ก และทำอย่างไรจึงจะดีขึ้น การที่ท่านให้ความสำคัญกับเด็ก โดยเฉพาะทารก เพราะทารกในวันนี้ คือผู้ใหญ่ในวันหน้า ท่านจึงเริ่มศึกษาจากสมองที่ทำงานผิดปกติก่อน ว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่สามารถพัฒนาได้มากขึ้น
โดยเปรียบเทียบง่ายๆเหมือนกับการสร้างบ้าน ถ้าโครงสร้างบ้านยังไม่เสร็จ หากเราต้องการย้ายสวิตช์ ย้ายเฟอนิเจอร์ต่างๆเราสามารถทำได้เลย ดังนั้นการเรียนรู้และการพัฒนาตั้งแต่แรกเริ่มตอนเป็นทารก จึงสามารถทำได้สมบูรณ์มากขึ้น ดีกว่าเราจะมาโฟกัสในช่วงที่การพัฒนาสมองเสร็จสิ้นไปแล้ว จุดเริ่มต้นการวิจัยของศาสตราจารย์ฌอน จึงมี 2 หัวข้อหลักๆ เรื่องแรกคือ เรื่องของความสัมพันธ์ หรือปัจจัยแวดล้อมต่างๆที่ช่วยให้ทารกพัฒนาขึ้นได้ในช่วงแรก ศึกษาในเรื่องของความสัมพันธ์ และสภาพแวดล้อม ทั้งคุณภาพอากาศ ระยะเวลาการนอน รวมไปถึงโภชนาการ
ซึ่งการศึกษานี้เป็นการศึกษาแรกโดยดูในเรื่องของภาพรวมการวิจัยของผมจะทำการติดตามเด็ก 1,500 คน ซึ่งเด็ก 500 คน มีการเก็บข้อมูลตั้งแต่เด็กอยู่ในครรภ์จนกระทั่งเด็กคลอดและติดตามต่อมา ส่วนเด็กอีก 1,000 คนเข้าร่วมการศึกษาตั้งแต่อายุน้อยกว่า 6 เดือนและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ส่วนอีกการศึกษาเป็นการศึกษาเฉพาะโฟกัสเรื่องของโภชนาการที่มีผลต่อการพัฒนาสมอง จึงศึกษาลงลึกต่อไปอีกว่า ในนมแม่ มีโภชนาการอะไรบ้าง ที่มีส่งผลดังกล่าว โดยเป็นการศึกษากลับไปยังคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกอยู่ในกลุ่มวัยรุ่น ว่าช่วงที่พวกเขาเป็นทารกมีการให้นมแม่มากน้อยแค่ไหน จากการศึกษาที่ค้นพบจากข้อมูลทั้งหมดพบว่า ทารกที่ได้รับนมแม่อย่างเดียวในช่วงแรกของชีวิต มีอัตรา การสร้างไมอีลินสูงกว่าเด็กที่ไม่ได้รับนมแม่ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งในการพัฒนาสมอง เพราะช่วยเพิ่มการสื่อสารและเชื่อมโยงของสมอง (Brain Connection) ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ รวมทั้งสติปัญญาที่เพิ่มขึ้นอย่างถาวร
ทั้งนี้โดยตัวของสมองเองจะมีการสร้างไมอีลินจากโภชนาการต่างๆ โดยเฉพาะ นมแม่ เป็นตัวช่วยในการสร้างปลอกไมอีลินให้มากขึ้น และเร็วขึ้น ซึ่งไมอีลินช่วยให้การทำงานของสมองแต่ละส่วนสัมพันธ์กัน เซลล์ในสมองประสานงานและทำงานกันได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามในสมัยก่อน เชื่อกันว่า สมองแต่ละส่วน แต่ละด้านทำงานแยกกัน แต่ในความเป็นจริง สมองทุกส่วนทำงานเชื่อมกันหมด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการมอง การขยับตัว การฝึกเดิน ทุกอย่างต้องสัมพันธ์กัน ซึ่งเด็กจะทำได้เร็วหรือช้านั้น ขึ้นอยู่กับว่า มีไมอีลินที่เยอะ และทำงานได้ดีมากน้อยแค่ไหน
ซึ่งศาสตราจารย์ฌอนได้มีผลวิจัยด้วยการสแกนสมองผ่านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ MRI นั้น ทำให้ทราบว่า สฟิงโกไมอีลิน ที่อยู่ในนมแม่นั้นสำคัญต่อการพัฒนาสมองของเด็ก โดยผลวิจัยพบว่า สฟิงโกไมอีลิน หนึ่งในสารอาหารสำคัญในการสร้างไมอีลิน ซึ่งพบมากในนมแม่นั้น เป็นโครงสร้างพิเศษที่ทำให้สมองทำงานได้เร็วขึ้น และส่งผลต่อศักยภาพการเรียนรู้และสติปัญญาของเด็ก สมองเด็กที่มีไมอีลินมากกว่าจะเรียนรู้ได้ไวกว่า โดยเฉพาะเด็กที่ได้รับนมแม่จะมีการสร้างไมอีลินที่มากกว่า ส่งผลให้สติปัญญา สูงกว่าเด็กที่ไม่ได้รับนมแม่
สฟิงโกไมอีลิน หนึ่งในสารอาหารสำคัญเพื่อพัฒนาการสมองลูกที่สร้างได้ตั้งแต่ในครรภ์
ช่วง 6-9 เดือน ดังนั้น 1,000 วันแรกของชีวิต (เริ่มปฏิสนธิ – 2 ปี)จึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก ในช่วงนี้สมองของลูกน้อยจะพัฒนาได้สูง และเร็วที่สุด สมองของเขาจะพัฒนา และสร้างเซลล์ต่างๆขึ้นมาใกล้เคียงกับสมองของผู้ใหญ่ ซึ่งไมอีลิน ถือเป็นพื้นฐานในการทำงานของสมองในแต่ละส่วน โดยมีการสร้างอย่างมากใน 1,000 วันแรกของชีวิต ช่วยส่งผลต่อพัฒนาการทางความคิด การเรียนรู้ของเด็ก ทำให้ทักษะการเรียนรู้ดีขึ้น และเร็วขึ้นได้ในอนาคต คุณแม่มือใหม่จึงควรใส่ใจโภชนาการ (โดยเฉพาะกินอาหารที่มีสฟิงโกไมอีลินเยอะๆ) เน้นหนักไปนมแม่ หรือ ไข่ ครีม ชีส และการเลี้ยงดูทารกในช่วงเวลานี้เป็นอย่างมาก
ข้อมูลของสมอง และสฟิงโกไมอีลิน
รู้มั้ยว่า สมองประกอบด้วย ไขมันถึง 60% (ในกรณีที่ตัดน้ำออก) ไขมัน เป็นส่วนประกอบของไมอีลินในสมอง เส้นใยประสาทที่มีไมอีลิน จะมีการส่งสัญญาณประสาทเร็วกว่าที่ไม่มีไมอีลินถึง60 เท่า สฟิงโกไมอีลิน เป็นหนึ่งในสารอาหารสำคัญในการสร้างไมอีลินสฟิงโกไมอีลินพบมากในนมแม่