4. ยาลดน้ำมูกแบบเมา ๆ
ยาน้ำลดน้ำมูกที่นิยมกันมีการใส่แอลกอฮอล์เข้าไปมาก ทำให้รสอร่อย เช่น รสองุ่น รสส้ม จิบเข้าไปแล้ว เด็กจะไม่ตื่นมาโยเย เพราะเมาจากยาที่ผสมแอลกอฮอล์นั่นเอง
⇒ Must read : วิธีใช้ลูกยางแดง ดูดน้ำมูก-เสมหะ ให้ลูกน้อยหายใจสะดวก
⇒ Must read : อาบน้ำต้มใบมะขาม สูตรโบราณจากคุณยาย ช่วยไล่หวัด
5. ยาแก้ปวด
อย่าเห็นพาราเซตตามอลเป็นเรื่องเล่น ๆ ดูเป็นยาปลอดภัยแต่อันตรายเหมือนกัน เพราะถ้าใช้ผิดขนาด เช่น เอาของผู้ใหญ่มาแบ่งครึ่งให้เด็กก็อาจทำอันตรายต่อตับของเด็กได้ ทางที่ดี ควรเลือกยาที่เฉพาะกับเด็กโดยตรงจะดีกว่า
6. ยาลดไข้
สำหรับยาบรรเทาอาการลดไข้ แก้ตัวร้อนสำหรับลูกน้อย ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันโดยเฉพาะยาลดไข้กลุ่ม เอ็นเสด (NSAIDs) อย่างไอบูโพรเฟ่นที่เด็กป่วยไข้เลือดออกกินแล้วอาจชักได้ ในเด็กที่มีไข้ยังไม่ทราบสาเหตุไม่ควรให้ยาลดไข้กลุ่ม “เร็วสั่งได้” นี้เพราะมีสิทธิ์ที่จะช็อคได้สูง
⇒ Must read : วิธีลดไข้ให้ลูกอย่างได้ผล!
⇒ Must read : ยาน้ำลดไข้ ของเด็ก แต่ละยี่ห้อแตกต่างกันอย่างไร พ่อแม่ควรรู้!
7. ยาธาตุ
เด็กน้อยปวดท้องบ่อยมักถูกป้อนด้วยยาธาตุ เอามหาหิงคุ์ทาพุงจนกลิ่นตลบ ในเด็กโรคกระเพาะถ้าได้ยาธาตุน้ำขาวพวกอะลั่มมิลค์บ่อยเกินไปยาจะไปยับยั้งการดูดซึมแร่ธาตุ วิตามิน รวมไปถึงยาอื่น ๆ และการได้ธาตุอลูมิเนียมจากยาน้ำขาวพวกนี้มากไปก็อาจมีผลต่อสมองได้
⇒ Must read : แก้ปัญหาลูกน้อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นท้อง เลือกยาตัวไหนให้ลูกดี?
8. ยาระบาย
ไม่ว่าแบบน้ำ เม็ด หรือยาสวนก้น ต้องดูสุขภาพเด็กให้ดี ถ้ามีอาการเพลีย หรือซึมจากการขาดน้ำอยู่แล้ว ยาถ่ายที่ทำให้ท้องเสียอันตรายถึงช็อคได้ ส่วนในเด็กท้องผูกต้องดูแผลปากทวาร (Anal fissure) ให้ดีก่อนสวนด้วย
⇒ Must read : ลูกท้องผูก ระบบขับถ่ายไม่ดี ของแบบนี้แก้ไขได้!
⇒ Must read : ลูกท้องผูก ถ่ายยาก ทำไงดี?
9. ยาช่วยนอน
ถ้าเด็กนอนไม่หลับควรหาสาเหตุให้พบเสียก่อน รวมไปถึงยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทเด็ก เช่น ยาแก้โรคสมาธิสั้น โดยการรักษาที่ดีต้องใช้พฤติกรรมบำบัด และกิจกรรมบำบัดควบคู่ไปด้วยจะดีที่สุด
10. วิตามินสังเคราะห์
ในเด็กที่กินอาหารไม่ครบ วิตามินเสริมเป็นตัวช่วยที่ดี แต่ต้องระวังวิตามินประเภทสังเคราะห์อย่างกรดวิตามินเอ วิตามินอี และน้ำมันตับปลาที่มากเกินไปเพราะอันตรายต่อตับเด็กได้
⇒ Must read : ระวัง! วิตามิน & อาหารเสริม เพิ่มอันตรายให้ลูกน้อย
อ่านต่อ >> “5 ตัวยาต้องห้ามสำหรับลูกน้อย” คลิกหน้า 3
ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.manager.co.th
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่