ความจริงควรรู้ก่อนกินยาพาราเซตามอล
ยาพาราเซตามอลเป็นยาสามัญประจำบ้าน ที่คนทั่วไปสามารถซื้อเองได้โดยไม่ต้องได้รับคำสั่งซื้อยาจากแพทย์ ออกฤทธิ์ ปวดหัว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีไข้สูงตัวร้อน แม้จะไม่ใช่ยาอันตราย แต่การกินยาพาราเซตามอลมีข้อมูลที่คุณแม่ควรศึกษาไว้ เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยและทุกคนในครอบครัว
- หากมีอาการปวดหรือมีไข้ กินยาได้ทุก 6 ชั่วโมงแต่ไม่ควรกินต่อเนื่องนานเกิน 7 วันเป็นอันขาด
- ยาพาราเซตามอลใช้ระงับอาการปวดรุนแรง เช่น แผลผ่าตัด ไม่ได้
- หลังกินยาแล้วเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือเบื่ออาหาร ให้หยุดยาและปรึกษาแพทย์ทันที
- ต้องกินยาพาราเซตามอลเมื่อเกิดอาการปวด หรือมีไข้แล้วเท่านั้น ห้าม “กินยาดัก” ไว้เพราะกลัวจะมีอาการเป็นอันขนาด เพราะทำให้ร่างกายได้รับยาเกินขนาดโดยไม่จำเป็น
- แม่ท้องสามารถกินยาพาราเซตามอลเพื่อระวังปวดหรือลดไข้ได้ แต่ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม เพราะยาเกินขนาดส่งผลต่อลูกในท้อง งานวิจัยของ Oxford University Press ตีพิมพ์ใน International Journal of Epidemiology พบว่า หากแม่ท้องกินยาชนิดนี้มากเกินไป ลูกน้อยเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมาธิสั้นและออกทิสติกมากกว่าเด็กในครรภ์ปลอดภัยถึง 30 เปอร์เซ็นต์
MUST READ : รีวิวยาลดไข้เด็กแต่ละชนิด
ห้ามทำเด็ดขาดเมื่อต้องกินยาพาราเซตามอล
- ผู้ป่วยโรคไตและตับ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
- ห้ามกินยาพาราเซตามอล (500 มิลลิกรัม) เกิย 8 เม็ดต่อวัน
- ห้ามกินยาร่วมกับยารักษาวัณโรคหรือลมชัก เพราะก่อให้เกิดพิษต่อตับมากขึ้น
- ห้ามกินยากับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ผู้ป่วยโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง ไม่ควรกินยาพาราเซตามอลเพราะทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้นได้
ปริมาณยาพาราเซตามอลที่เหมาะสม
กินการยาพาราเซตามอลปริมาณ 500 มิลลิกรัม ควรกินให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัว คนน้ำหนักตัว 34-50 กิโลกรัม ให้กิน 1 เม็ด น้ำหนัก 50-75 กิโลกรัม กินยา 2 เม็ด และน้ำหนักมากกว่า 75 กิโลกรัม กินยาได้ 2 เม็ด ห่างกันทุก 6 ชั่วโมงเท่านั้น หากเป็นไข้ให้หมั่นเช็ดตัวร่วมด้วย แต่อาการปวดที่รุนแรงเพิ่มขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยและรักษาให้ตรงจุดจะดีกว่า
บทความน่าสนใจอื่นๆ
พาราเซตามอล แม่ท้องกินแล้วลูกเสี่ยงสมาธิสั้น-ออทิสติก
ตู้ยาสามัญประจำบ้านสำหรับลูกน้อยต้องมีอะไรบ้าง?
ขอบคุณแหล่งข้อมูล news.thaipbs.or.th pca.fda.moph.go.th/ www.honestdocs.co
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่