เด็กเล็กอยู่ในวัยที่ยังเคี้ยวและกลืนอาหารได้ไม่ชำนาญเท่าผู้ใหญ่ การป้อนอาหารที่มีขนาดใหญ่ หรือมีเมล็ด ก็อาจทำให้ อาหารติดหลอดลม ได้
อุทาหรณ์! อาหารติดหลอดลม เด็ก 2 ขวบดับจากเม็ดมะขามติดคอ
ทีมงาน Amarin Baby & Kids ขอนำข่าวการเสียชีวิตของเด็กวัย 2 ขวบ ที่มีสาเหตุมาจากเด็กได้ทานมะขามแล้วเผลอกลืนเม็ดมะขามเม็ดเล็ก ๆ ลงไปในคอ พ่อแม่ของเด็กจึงได้พาลูกส่งโรงพยาบาลในทันที แต่หลังจากนั้นไม่ถึง 1 วัน ลูกก็อาการทรุดลงและจากไปอย่างไม่มีวันกลับ โดยมีเนื้อหาข่าวดังนี้
นายประสิทธิ์ ดวงมาลัย อายุ 45 ปี อาชีพกรรมกรก่อสร้าง พร้อมครอบครัวยื่นเรื่องต่อ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อให้เป็นตัวแทนเอาผิดโรงพยาบาลย่านนนทบุรี
หลังเกิดเหตุ เด็กหญิงปริยา ดวงมาลัย บุตรสาววัย 2 ขวบ เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ จากเม็ดมะขามอุดตันหลอดลมภายหลังเข้ารับการรักษาตั้งแต่คืนวันที่ 11 มี.ค. 62 เวลา 19.30 น. ซึ่งลูกยังเดินและซนได้ปกติ แต่ต่อมามีอาการโคม่าและเสียชีวิต ทำให้ญาติข้องใจ ทำไมโรงพยาบาลไม่ผ่าตัดเอาเม็ดมะขามออกให้เร็วกว่านี้ ทั้งที่ถึงมือหมอเกือบหนึ่งวันก่อนอาการทรุดหนักจนเสียชีวิต
โดยในเวลาต่อมา แพทย์จากโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีนี้ว่า
แพทย์โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ยืนยันรักษาเด็ก 2 ขวบ เม็ดมะขามติดคอตามขั้นตอน และไม่ได้ปล่อยให้กลับไป พบเม็ดมะขามติดบริเวณหลอดลมใหญ่ เอาออกมาไม่ได้ ยอมรับเป็นเคสที่ยากที่สุด เนื่องจากเม็ดมะขามที่ติดอยู่ในตำแหน่งหลอดลมใหญ่ แพทย์ยังอธิบายต่ออีกว่าในวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ผู้ปกครองของเด็กได้เข้ามารับการรักษาด้วยอาการ อาหารติดหลอดลม และเมื่อตรวจสอบผลเอ็กซเรย์ก็ไม่พบสิ่งแปลกปลอมใด ๆ แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจจึงมีความเห็นที่จะให้น้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล และเตรียมการวางแนวทางการผ่าตัด เพื่อนำเม็ดมะขามออก
วันรุ่งขึ้นที่จะมีการผ่าตัด ในช่วงเวลาบ่ายสอง แพทย์จะใช้วิธีการใช้ท่อและนำเครื่องมือพยายามที่จะนำเม็ดมะขามออก แต่เม็ดมะขามมีขนาดใหญ่ และปิดหลอดลมใหญ่ ไม่สามารถกางเครื่องมือที่คีบได้ จึงไม่สามารถนำออกมาได้ แพทย์ประเมินที่จะมีการส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลศิริราช ตอนประมาณ 5 ทุ่ม แต่ระหว่างทางย่อมมีความเสี่ยง เพราะฉะนั้นทางญาติจึงตัดสินใจที่จะเข้ารักษาต่อที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้าต่อ ทางทีมแพทย์จึงได้วางแผนการรักษาต่อ แต่ในช่วงตีสามกว่า ของวันที่ 12 มีนาคม น้องมีอาการทรุดลง
ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุข จะหาข้อมูลและทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม อยากฝากเตือนผู้ปกครองให้ระมัดระวังของเล่น หรือ สิ่งของชิ้นเล็กๆ หากเด็กนำเข้าคอก็อาจไดรับอันตรายได้
ข้อมูลข่าวจาก : http://news.ch3thailand.com/local/90234, http://news.ch3thailand.com/local/90289
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่