ระวัง! ลูกถูกงูกัด โดยเฉพาะ งูเขียวหางไหม้กัด 1 ใน งูพิษ หน้าฝน .. ที่พ่อแม่ต้องระวังพร้อมรู้ถึงวิธีการรับมือที่ถูกต้อง เมื่อลูกถูกงูกัด ทั้งมีพิษและไม่มีพิษ
แชร์ประสบการณ์! ลูกรอดจากการถูก งูเขียวหางไหม้กัด
ภัยร้ายที่มากับฝน พ่อแม่ต้องรับมือให้ถูก!!
ช่วงฝนตก นอกจากโรคภัยไข้เจ็บที่มาพร้อมกับหน้าฝนแล้ว ก็ยังมีภัยร้ายอื่นๆ ที่พ่อแม่ต้องระวังลูกน้อยให้ดีเป็นอย่างมากอีกด้วย โดยเฉพาะภัยจากสัตว์มีพิษที่มักหนีฝนเข้ามาในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น กิ้งกือ ตะขาบ แมงป่อง คางคก และงู เป็นต้นซึ่งหากคุณพ่อคุณแม่ไม่คอยเฝ้าระวังดูแลลูกน้อยให้ดี ก็อาจทำให้ลูกน้อยได้รับพิษจากสัตว์เหล่านี้ได้
Must read : 6 พาหะนำโรค หน้าฝนที่พ่อแม่ต้องระวังให้ดี
เช่นเดียวกับเหตุการณ์นี้ ที่มีเด็กชายถูก งูเขียวหางไหม้กัด โดยผู้เป็นคุณน้า ได้ออกมาเล่าแชร์ประสบการณ์สุดระทึกของหลานชายนี้ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Link Ruengpanyawhut เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา เมื่อหลานชายของเธอถูก งูเขียวหางไหม้กัด เข้าที่นิ้วมือทำให้มือบวมจนเลือดแทบจะไม่สามารถไปเลี้ยงนิ้วมือได้ และแม้จะพาน้องไปส่งถึงมือหมอแล้ว แต่ก็ยังมีขั้นตอนรอดูอาการด้วย ไม่ใช่ว่าคุณหมอจะรีบเร่งฉีดเซรุ่มแก้พิษงู ที่ งูเขียวหางไหม้กัด ให้เพียงอย่างเดียว จึงอยากแชร์ประสบการณ์นี้ให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนได้อ่าน เพื่อพร้อมรับมือ
อ่านข้อความจาก เฟซบุ๊ก Link Ruengpanyawhut เล่าเหตุการณ์
หลานชายรอดจากการถูก งูเขียวหางไหม้กัด ภัยร้ายที่มากับฝน ได้ที่โพสต์ด้านล่าง ⇓
เรื่องเล่า เมื่อคินคิน โดนงูเขียวหางไหมกัด (ฝากให้คุณแม่ๆได้อ่านดู เผื่อไว้นะคะ)คิน…
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : Link Ruengpanyawhut
ความรู้เพิ่มเติม : งูเขียวหางไหม้ (Green pit viper) เป็นงูบกที่มีพิษน้อยที่สุดในบรรดางูพิษ พบได้ทั่วประเทศ แต่จะพบบ่อยที่สุดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล หัวเป็นรูปสามเหลี่ยม ลำตัวมีเขียว หางสั้นมีสีแดงน้ำตาล ชอบหากินกลางคืน และอาศัยเกาะตามกิ่งไม้ ใต้ถุนบ้าน
พิษของมันจัดเป็น hemotoxin ซึ่งหากถูก งูเขียวหางไหม้กัด จะเกิดอาการปวดอย่างรุนแรงทันทีที่ถูกกัด แล้วค่อยๆหายใน 5-6 ชั่วโมง ซึ่งบริเวณที่ถูกกัดจะบวมอย่างรวดเร็วในระยะ 3-4 วันแรก แล้วค่อยๆ ยุบบวมในเวลา 5-7 วัน ทั้งนี้จะมีเลือดออกจากรอยเขี้ยวแต่ไม่มาก ถ้าได้พิษมาก อาจมีเลือดตามอวัยวะต่างๆได้
อ่านต่อ >> “7 งูพิษ หน้าฝน ที่พบบ่อย
พร้อม 6 ข้อวิธีรับมือเมื่อลูกถูกงูกัด” คลิกหน้า 2
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : www.siamhealth.net
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่