เจมี่ และจูเลี่ยน เด็กชายวัย 13 และ 9 ขวบ อาศัยอยู่ในออสเตรเลีย กำลังเล่นน้ำในสระว่ายน้ำกันอย่างสนุกสนาน ภายใต้การดูแลของแม่ แล้วจู่ๆ ไม่คิดเลยว่าจะเกิด อันตรายจากสระว่ายน้ำ เจมี่ลูกชายคนโตถูกดูดเข้าไปในมุมหนึ่งของสระว่ายน้ำ ไหล่ของเจมี่ถูกดูดเข้าไปติดกับเครื่องกรองของสระน้ำ เขาร้องขอความช่วยเหลือ
คุณแม่ และพนักงานดูแลสระน้ำ อีก 2 คน พยายามที่จะช่วยเขาให้เป็นอิสระจากตัวกรอง โดยรีบปิดตัวกรอง แต่ก็ยังใช้เวลานานหลายนาที ก่อนที่ผู้ใหญ่ทั้ง 3 คนจะช่วยเจมี่ได้ หลังจากเหตุการณ์นั้น เจมี่มีรอยฟกช้ำที่น่ากลัว และเส้นประสาทถูกทำลายบางส่วน แต่คุณหมอมั่นใจว่าเขาจะหายดี
ทางผู้จัดการ ได้ตรวจสอบสระว่ายน้ำ และพิจารณาสวมเครื่องครอบฟิลเตอร์ที่สระว่ายน้ำ และมีป้ายเตือนว่าเด็กควรอยู่ในการดูแลของผู้ใหญ่ และไม่ควรยืนกั้นฟิลเตอร์
ชมคลิปได้ที่นี่
เล่นน้ำในสระว่ายน้ำให้ปลอดภัย
1.เด็กๆ เริ่มเล่นน้ำได้ตั้งแต่กี่ขวบ?
- เด็กเล็กๆ สามารถเริ่มเล่นน้ำได้ตั้งแต่ 3 เดือน แต่สมาคมกุมารเวชศาสตร์ในอเมริกาแนะนำให้รอถึง 4 ขวบ เพราะเด็กที่อายุน้อยกว่านั้นมีภูมิคุ้มกันต่ำ
- สมาคมกุมารแพทย์ในอังกฤษแนะนำให้ฉีดวัคซีนต่างๆ ให้ครบก่อนพาลูกไปเล่นน้ำ ซึ่งในประเทศไทยมีการฉีดให้เด็กตามปกติอยู่แล้ว
- ถ้าลูกมีอาการป่วย เช่น ท้องเสีย ติดเชื้อในหู เป็นหวัด หรือพึ่งฉีดวัคซีนใหม่ๆ ควรรอ 2 วัน หรือให้หายจากอาการป่วย แล้วค่อยพาลูกไปเล่นน้ำ เพราะลูกอาจเป็นไข้มากขึ้นได้
2.ควรเล่นน้ำเวลาไหนดี?
- ไม่มีเวลาจำกัด ว่าควรเล่นน้ำเมื่อไหร่ แต่ให้ดูอุณหภูมิน้ำเป็นหลัก เช่น ฤดูหนาวอาจเป็นตอนกลางวัน ฤดูร้อนอาจเป็นตอนเย็น
- อุณหภูมิน้ำควรอยู่ที่ 30-33 องศา เหมือนตอนอาบน้ำธรรมดา เด็กจะรู้สึกสบายตัว
- สามารถเล่นน้ำได้สัปดาห์ละ 4 ครั้ง โดยเริ่มแรกเล่นไม่เกิน 15 นาที และมากที่สุดไม่เกิน 1 ชั่วโมง
- ควรเว้นระยะการรับประทานอาหารของลูกก่อนลงสระ 1 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการสำลัก
- ก่อน และหลังเล่นน้ำ ควรล้างมือ ล้างเท้า ล้างตัวให้สะอาดเสมอ
- ระวังการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ เพราะเมื่อขึ้นจากน้ำอาจมีลมพัด ทำให้หนาวสั่น รีบห่มผ้า แล้วพาไปอาบน้ำ สระผม ไม่ควรอาบน้ำเย็นเกินไป
คลิกอ่านต่อ “ใส่อะไรเล่นน้ำดีนะ รู้จักสระว่ายน้ำก่อนลงเล่นน้ำ และป้องกันอุบัติเหตุเมื่อลงเล่นน้ำ” คลิกหน้า 2