ปฐมพยาบาลงูกัด ทำอย่างไรเมื่อลูกถูกงูกัด ต้องตีงูก่อน หรือรีบพาลูกไปโรงพยาบาลก่อนดี โรงพยาบาลไหนบ้างมีเซรุ่ม เรื่องที่พ่อแม่ควรรู้ เพราะทุกนาทีหมายถึงชีวิต
ปฐมพยาบาลงูกัด เรื่องควรรู้ช่วงหน้าฝน ทุกนาทีคือชีวิตลูก!!
สัตว์มีพิษ ไว้ใจไม่ได้ เรื่องที่พ่อแม่ควรระวัง โดยเฉพาะหากมีลูกเล็ก เพราะแม้ว่างูจะกัดคนเพื่อป้องกันตัวเอง หรือเมื่อถูกรบกวน และทำให้ตกใจ ก็ตาม แต่เด็กผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องราว เมื่อเห็นสัตว์แปลก ๆ ก็อาจไปเผลอเหยียบ หรือแหย่ จนงูตื่นกลัว ส่งผลให้งูกัดได้ หากถูกงูกัดไม่ว่าจะเป็นงูมีพิษหรือไม่ ให้รีบพาส่งโรงพยาบาล เพื่อเข้ารักการรักษา และสังเกตอาการทันที เนื่องจากพิษงูอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
งูกัด ไม่ใช่เรื่องไกลตัว!!
โดยเรื่องราวอุทาหรณ์ในครั้งนี้ พ่อของเด็กน้อยเป็นผู้โพสต์ลงบน Facebook ส่วนตัว เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เผยวินาทีสุดช็อก แนบภาพหลักฐาน พร้อมวิดีโอ โดยระบุแคปชันว่า เป็นบทเรียนจนวันตายเลย อย่าเอาแผ่นหิน แผ่นปูนมาวางไว้ในบ้านกันน่ะครับ สัตว์มีพิษจะเข้าไปอยู่ อันตรายมาก โดยเฉพาะกับเด็กเล็กและคนแก่ จนตอนนี้ผ่านมา 6 ชม. ลูกผมยังโคม่าอยู่เลย ให้น้ำเกลือยาฆ่าเชื้อ เจาะเลือด ตรวจทุกอย่างจนพรุนไปหมด ให้ยาแก้แพ้แล้ว รอฉีดเซรุ่มแก้พิษงูเห่า เวลาทุกนาทีตอนนี้ผ่านไปอย่างเชื่องช้า และมีค่ากับชีวิตมาก ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี รอดมาดูความสวยงามของชีวิตน่ะลูก ใจพ่อจะขาดแล้ว
ที่มา : www.komchadluek.net
อุทาหรณ์จากเรื่องจริง ที่ใครคิดว่า งูกัด เป็นเรื่องไกลตัว ขอให้คิดกันเสียใหม่ ยิ่งโดยเฉพาะช่วงหน้าฝน ช่วงที่เหล่าบรรดาสัตว์มีพิษมีอยู่รอบตัว แม้ว่าเราจะวางใจว่าบ้านเป็นที่ ๆ ปลอดภัยที่สุดแล้ว แต่ใครจะเดาใจเจ้างูพิษ เหล่านี้ได้ เมื่อเด็กไม่รู้ว่าสัตว์เหล่านี้อันตราย จึงเป็นสาเหตุให้เรามักพบข่าวคราว เด็กโดนงูกัดกันอยู่บ่อย ๆ เหมือนดั่งพ่อเจ้าของเรื่องข้างต้น ที่กรุณาเล่า และเตือนพ่อแม่ถึงประสบการณ์ที่ตนเองได้พบมา หากยังไม่แน่ใจ ลองดูประสบการณ์อุทาหรณ์ของนักแสดงดัง ที่ ลูกถูกงูกัด เช่นกัน
ทำเอาหลายคนตกใจหนักมาก หลังเห็นรูปล่าสุดที่อดีตนักแสดงดัง เอ็กซ์ ธิตินันท์ ออกมาอัพเดทผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว โดยเป็นรูปตอนที่ลูกสาวของตนเองอยู่โรงพยาบาล รวมถึงมีรูปงูเห่าถูกจับไว้ ซึ่งหนุ่มเอ็กซ์เล่าเรื่องราวโดยย่อผ่านแคปชั่นว่า
“ฟังเพลงกำลังเล่นอยู่หน้าบ้าน แม่หันไปเห็นงูอยู่ใกล้มาก ลูกมีรอยแดงที่นิ้วบอกเจ็บ ให้รีบพามา รพ.ไว้ก่อนนะครับ คุณหมอก็แนะนำว่า “ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าใช่” แหละถูกแล้ว เลยต้องนอนดูอาการ 24-48 ชม. 6 ชม.แรก สังเกตอาการแบบเข้มข้น ถ้ามีตาหนักจะหลับ ปากชา และจะหายใจลำบาก 6 ชม.ระทึก #พระคุ้มครองนะลูกพ่อ #ดวงใจพ่อ #ขอให้ไม่ใช่ #ขอบคุณพี่ๆรปภ.มากนะครับที่มาช่วยจับ
ที่มา : www.dailynews.co.th
สังเกตอย่างไรว่าถูกงูมีพิษกัดหรือไม่?
งูกัด (Snake Bite) จัดเป็นภาวะสุขภาพที่ต้องได้รับการปฐมพยาบาลและรักษาอย่างเร่งด่วน และเมื่อถูกงูกัด คำถามแรกที่มักจะได้รับกันบ่อย ๆ คือ งูที่กัดนั้นมีพิษหรือไม่ การจำแนกลักษณะบาดแผล และอาการระหว่างถูกงูมีพิษหรือไม่มีพิษกัดนั้นสำคัญมาก เนื่องจากจะช่วยให้ผู้ถูกกัดหรือผู้ที่เข้าช่วยเหลือปฐมพยาบาลและดูแลอาการเบื้องต้นได้อย่างถูกต้อง และทันเวลาก่อนนำส่งโรงพยาบาลต่อไป
แต่ไม่ได้หมายความว่า หากเราถูกงูไม่มีพิษกัดแล้วจะไม่เป็นอันตราย เพราะหากถูกงูที่มีหรือไม่มีพิษกัด เราอาจเกิดอาการแพ้ หรือติดเชื้อได้
วิธีสังเกตแผลงูกัด จะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
- งูไม่มีพิษกัด งูชนิดนี้จะปล่อยพิษให้ซึมเข้าไปภายในร่างกายของผู้ที่ถูกกัดไม่ได้ และจะพบบาดแผลเป็นรอยฟันบนผิวหนังเรียงเป็นแถว โดยแผลจากงูไม่มีพิษจะต่างจากแผลงูมีพิษที่ไม่ปล่อยพิษ อย่างไรก็ดี ผู้ที่ถูกงูไม่มีพิษกัดควรเข้ารับการรักษาทันทีเช่นเดียวกับผู้ที่ถูกงูมีพิษกัด งูไม่มีพิษที่พบได้ทั่วไปในไทยมีหลายสายพันธุ์ เช่น งูเขียวชนิดต่าง ๆ งูสิง งูแสงอาทิตย์ งูดิน งูเหลือม หรืองูหลาม
- งูมีพิษกัด งูชนิดนี้จะปล่อยพิษให้ซึมเข้าไปในผิวหนัง เยื่อเมือก หรือดวงตาของผู้ที่ถูกกัด ลักษณะรอยแผลที่พบจะมีรอยเขี้ยว 2 จุดชัดเจน หรือมีเลือดซึมออกจากแผล และบริเวณรอบ ๆ รอยเขี้ยวมีสีคล้ำ หรืออาจพองเป็นถุงน้ำ ทั้งนี้ งูมีพิษบางตัวอาจกัดโดยไม่ปล่อยพิษออกมา (Dry Bite) ก็ได้ งูมีพิษที่พบได้ทั่วไปในไทยนั้นมีหลายชนิด เช่น งูจงอาง งูเห่า งูแมวเซา งูสามเหลี่ยม งูสมิงคลา งูกะปะ งูทะเล หรืองูเขียวหางไหม้ เป็นต้น
ผู้ที่ถูกงูมีพิษกัดจะมีอาการแตกต่างกันไปตามบริเวณที่ได้รับพิษและปริมาณพิษที่อยู่ในเนื้อเยื่อของร่างกาย อาการถูกงูมีพิษกัดแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มที่ส่งผลต่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ได้แก่
- พิษต่อระบบประสาท (Neurotoxin) ได้แก่ งูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยม และงูทับสมิงคลา อาการ เริ่มจากแขนไม่มีแรง กระวนกระวาย ลิ้นเกร็ง พูดจาอ้อแอ้ ตามัว น้ำลายฤูมปาก เนื่องจากกล้ามเนื้อการกลืนเป็นอัมพาต หยุดหายใจ และเสียชีวิตในที่สุด
- พิษต่อระบบการแข็งตัวของเลือด (Hematotoxin) ได้แก่ งูเขียวหางไหม้ งูแมวเซา และงูกะปะ อาการเริ่มจากปวดแผลมาก มีเลือดซึมออกจากแผล จากอวัยวะต่าง ๆ เช่น เลือดกำเดา เหงือก ไอ อาเจียน ปัสสาวะและอุจจาระเป็นเลือด เกิดจากภาวะระบบไหลเวียนล้มเหลว และเสียชีวิต
- พิษต่อกล้ามเนื้อ (Mytotoxin) ซึ่งมักจะไม่พบในภาวะน้ำท่วม เนื่องจากเป็นงูทะเล พิษงูออกฤทธิ์ทำลายกล้ามเนื้อ ส่วนใหญ่แล้ว มักเป็นกล้ามเนื้อลาย หรือกล้ามเนื้อหัวใจ
- เซลล์ผิวที่ถูกงูกัด (Cytotoxin) พิษงูทำลายเซลล์เนื้อเยื่อที่ถูกงูกัด ส่งผลให้เกิดอาการปวด บวมแดง หรือเนื้อตาย
อาการของผู้ที่ถูกงูกัด
ผู้ที่ถูกงูมีพิษกัด จะมีลักษณะบาดแผล และอาการที่สังเกตได้ เช่น
- แผลที่ถูกกัดมีรอยเขี้ยว 2 เขี้ยว
- เกิดรอยแดงบวมรอบบริเวณที่ถูกกัด
- รู้สึกปวดแผลรุนแรง
- คลื่นไส้และอาเจียน
- หายใจลำบาก
- ตาเบลอ
- มีน้ำลาย และเหงื่อออกมากขึ้น
- รู้สึกชาหรือเป็นเหน็บทั่วใบหน้าและตามแขนขา
- ผู้ป่วยบางรายอาจเกิดอาการรุนแรงเมื่อได้รับพิษงูเข้าไปในร่างกาย โดยเนื้อเยื่อบริเวณที่ถูกงูกัดจะบวมมากขึ้น มีตุ่มน้ำ หรือเนื้อเยื่อตาย หนังตาตก กลืน หายใจ และขยับร่างกายไม่ได้ ช็อกและหมดสติ ไตล้มเหลวโดยมีปัสสาวะออกมาน้อยหรือไม่มีเลย เสียเลือดมากจากการอาเจียน อุจจาระ ปัสสาวะเป็นเลือด หรือเลือดออกจากปาก จมูก หรือบริเวณที่ถูกกัด หรืออาจร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต
อ่านต่อ>> วิธี ปฐมพยาบาลงูกัด และโรงพยาบาลที่มีเซรุ่ม คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่