หัวอกคนเป็นแม่ ลูกวัย 5 ขวบ กำลังติดแม่ ต้องจากไปด้วยโรคร้าย โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็ก หลังรักษาตัวเพียง 16 วัน
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็ก ภัยร้ายที่พบได้บ่อยในเด็ก
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็กเป็นโรคที่พบได้บ่อยอันดับ 1 โรคนี้เป็นโรคร้ายที่สามารถพรากลมหายใจลูกน้อยไปได้ คุณแม่ท่านหนึ่งได้เล่าเหตุการณ์สุดสะเทือนใจ เมื่อลูกน้อยวัย 5 ขวบ ต้องจากไปด้วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็ก ว่า ตอนเกิด ลูกร่างกายปกติ สมบูรณ์ แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ไม่แพ้ยา จนลูกชายอายุ 5 ขวบ อยู่ในวัยที่กำลังติดแม่ อยากไปด้วยกันกับแม่ทุกที่ แต่ลูกก็ต้องจากไปด้วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็ก หลังรักษาตัวได้เพียง 16 วัน
ลูกชายเริ่มมีอาการช่วงเดือนตุลาคม เริ่มแรกลูกมีไข้ขึ้น ๆ ลง ๆ ตอนไปเรียนที่โรงเรียน คุณครูบอกว่า ลูกตัวร้อนวัดอุณหภูมิได้ 38 องศาเซลเซียส แต่ลูกก็ยังร่าเริงดี วันนั้นแม่ก็รับกลับบ้าน อาการของลูกอยู่อย่างนี้ประมาณ 2 สัปดาห์ จึงพาลูกไปหาหมอ หมอแจ้งว่า อากาศเปลี่ยน พ่อแม่ไม่ต้องกังวลเดี๋ยวก็หาย อาการอื่น ๆ มีแค่เบื่ออาหาร ไม่มีน้ำมูก ไม่มีเสมหะ ไม่ไอ ไม่เจ็บคอ แต่ลูกบอกแม่ตลอดว่าเจ็บหลังหู มีตุ่มขึ้น หมอเรียกว่า ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ส่วนอาการเบื่ออาหาร หมอบอกว่า อาจจะเจ็บคอ จึงให้ยาลดไข้และยาแก้อักเสบตามที่หมอบอก
ช่วงปลายเดือนตุลาคม ลูกไม่หายไข้ ทั้งยังเจอจุดจ้ำเลือดเต็มขา เต็มหลัง พุงเริ่มโต แต่ก็ยังร่าเริง เดินได้ปกติ กินได้ แต่กินได้น้อย มีคนแนะนำให้ไปโรงพยาบาลเด็ก แม่ก็ไปวันนั้นตรวจเจออาจารย์หมอ หมอบอกตับโตม้ามโต ภาวะโลหิตจางขั้นรุนแรง ตรวจเลือด พบค่าเม็ดเลือดขาว 60000 เกล็ดเลือด 20000 หมอขอแอดมิท และเจาะไขสันหลังตรวจลูคีเมีย (Leukemia)
จากนั้นคุณหมอแจ้งกับพ่อแม่ว่า ลูกต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง 3 ปี พ่อแม่ขอพามารักษาที่จันทบุรี เพราะบ้านเกิดอยู่ที่นี่ จึงทำใบส่งตัวให้ในวันที่ 9 พฤศจิกายน รักษาด้วยการทำคีโม ลูกเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว สายพันธุ์ all (มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดลิมฟอยด์ Acute Lymphoblastic Leukemia – ALL) การรักษามีโอกาสหายสูง หมอบอกว่า 6 เดือน ต้องไป ๆ มา ๆ ที่โรงพยาบาล ลูกรักษาด้วยยาคีโม ยาตัวแรก ร่างกายตอบสนองดีมาก จากค่าเม็ดเลือดขาวแสนกว่า ลดลงเหลือ 7000 หมอตกใจมากกลัวโรคแทรกซ้อนตามมา กลัวช็อค แต่ร่างกายลูกตอบสนองยาดีมากรักษาจนครบ 9 วันจบคอร์สยารอบที่ 1 พอดีคือวันที่ 18 พฤศจิกายน
ลูกบ่นเจ็บตา ปวดหัวมาก สักพักปากเบี้ยว ตาเข หน้าอัมพาตครึ่งซีก วันนั้นหมอสงสัยว่าน่าจะมีการติดเชื้อในสมอง พาไปทำ CT สแกน ไม่พบความผิดปกติ พอตกเที่ยงลูกหายใจไม่ออกกินน้ำ น้ำไหลออกจากปาก ชีพจรต่ำ ลูกนอนนิ่ง หมอทำเรื่องเข้าไอซียูเด็ก (PICU) ตกเย็นวันนั้น หมอทำ CT สแกน ทำ MRI สมอง อีกรอบผลออกมาลูกสมองบวม ตกเที่ยงคืนวันนั้น หมอโทรตาม ลูกมีภาวะไตวายเฉียบพลัน หัวใจเต้น 200 กว่า ไม่รอดคืนนี้แน่ ทางเราไปดูลูก หมอปิดตาไว้ ลูกมีสติเขารู้ว่าพ่อแม่มาเขาจับมือเราไว้แน่น เขาพยายามจะพูดกับเราแต่เขาใส่ท่อช่วยหายใจ นาทีนั้นสงสารลูกมาก ทำไมเขาเป็นเยอะขนาดนี้ แต่สมัยนี้หมอเก่งจริง หมอยื้อชีวิตลูกไว้ได้ ไอซียูวันแรกผ่านไป
- วันที่ 2 หมอบอก ลูกอาการดีขึ้น หายใจเองได้ ความดันปกติ
- วันที่ 3 หมอบอก ลูกร่างกายไม่มีการตอบสนอง ม่านตาไม่ตอบสนองใด ๆ แล้ว อาการทรง ๆ ทรุด ๆ ไม่ตอบสนอง
- และในวันที่ 7 ในไอซียู หมอบอกอาการลูกแย่มาก น้ำท่วมปอด ปอดรั่ว ไตวาย ลำไส้บวม เลือดออกในกระเพาะ ตับไม่ทำงานแล้ว ลูกไม่ตอบสนองกับยาเลย หมอให้เลือกจะปั๊มหัวใจไหม ถ้าหัวใจหยุดเต้น
เจ็บปวดนะที่ต้องเห็นลูกตายไปต่อหน้า ช่วยอะไรไม่ได้ แต่ถ้าลูกตื่นมาก็ทรมานมาก อาจติดเตียง หรือเป็นเจ้าชายนิทรา หลังจากที่พ่อแม่ยุติการปั๊มหัวใจให้ลูกวันนั้นเอง ลูกจากไป เห็นหัวใจลูกเต้นช้าจนหยุดไปเอง ลูกรักษาให้คีโม 9 วัน รักษาโรคแทรกซ้อนในไอซียู 7 วัน รวมรักษาตัว16 วัน ลูกเสียชีวิตในวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพราะติดเชื้อแบคทีเรียขึ้นสมองทำให้สมองบวม อวัยวะในร่างกายล้มเหลวหยุดทำงาน ไม่ได้ติดเชื้อในกระแสเลือด
เราพาลูกรักษาเร็วที่สุดแล้ว ทำไมมะเร็งถึงมาคร่าชีวิตรวดเร็วขนาดนี้ ใคร ๆ ก็บอกรักษามะเร็งได้ ไม่น่ากลัว ใครที่เป็นมะเร็งระวังการติดเชื้อนะคะ เรายังไม่ได้บอกลาเขาเลย มันเร็วเกินไป ยังเสียใจทุกวัน ทำไมต้องลูกเราด้วย วันนี้ก็ครบ 11 วันที่ลูกจากไป ทำใจยากค่ะ
คุณแม่ยังแสดงความห่วงใยถึงแม่ ๆ ท่านอื่นที่กังวลด้วยว่า เห็นบางคนที่ลูกรักษามะเร็งอยู่จิตตกกันเลย แม่ยังยืนยันว่า หมอเก่งในการรักษามะเร็งมาก ช่วงจบยาคอร์สที่ 1 ก็คืออยู่ในช่วงนอนสังเกตอาการ ลูกตอบสนองต่อยาดีมาก แต่มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย ช่วงนี้ที่ลูกติดเชื้อ เชื้อก็ขึ้นไปสมองอีก ทำให้ทรุดเร็ว เหมือนสมองควบคุมการหายใจ การเคลื่อนไหว การทำงานของอวัยวะ เพราะไม่มีภูมิต้านทานคอยสู้เชื้อโรค การให้คีโมเหมือนฆ่าเซลล์เม็ดเลือดขาวตัวดีไปด้วย แต่อาการลูก ไข้สูงขึ้น ๆ ลง ๆ ถ้าไม่ได้ตรวจละเอียดจะไม่รู้เลย เพราะลูกเป็นเด็กแข็งแรง อดทนเก่ง ไม่ซึม ร่าเริง เล่นหัวเราะปกติ แค่เบื่ออาหาร แม่ก็คิดว่าเป็นปกติของเด็กเบื่ออาหาร แต่จริง ๆ แล้วเป็นอาการเริ่มของโรค อยากให้คนอื่นสังเกตอาการลูกตัวเอง เพราะรักษาเร็วก็หายเร็วอันนี้จริงที่สุด
มะเร็งเป็นโรคร้ายที่มีโอกาสหายได้ หากรู้ได้เร็ว รักษาได้ไว ก็เพิ่มโอกาสหาย ร่างกายกลับมาแข็งแรงได้
โรคมะเร็งในเด็ก
มะเร็งในเด็กเป็นได้กับเด็กแรกเกิดตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เกิดได้ทุกช่วงอายุ ทั้งเพศชายและเพศหญิง ผลการสำรวจของชมรมมะเร็งในเด็กแห่งประเทศไทย สมาคมโลหิตวิทยาแห่งประเทศไทย พบว่า อัตราการเกิดโรคมะเร็งในเด็กอยู่ที่ 100 คนต่อประชากรเด็กไทย 1,000,000 คนต่อปี โดย 4 อันดับ มะเร็งที่พบบ่อยในเด็ก ได้แก่
- มะเร็งเม็ดเลือดขาว
- มะเร็งสมอง
- มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- มะเร็งต่อมหมวกไต
สาเหตุของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
มะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย (Leukemia) พบได้บ่อยในเด็กอยู่ที่เกือบ 40 คนต่อประชากรเด็กไทย 1,000,000 คนต่อปี โดยมะเร็งเม็ดเลือดขาวคือภาวะที่ไขกระดูกหรือเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด (stem cell) ทำงานผิดปกติ ผลิตเซลล์เม็ดเลือดที่ผิดปกติออกมามาก จนทำให้ระบบการทำงานของเม็ดเลือดผิดปกติ อาจเกิดได้จากความผิดปกติของพันธุกรรมบางอย่างในเซลล์มะเร็ง แต่แม้ว่าพ่อแม่ไม่ได้เป็นโรคมะเร็ง ลูกก็เป็นโรคมะเร็งได้ เพราะร่างกายเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็ง มะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็กจึงเป็นได้ตั้งแต่แรกเกิดหรือโตแล้วค่อยเป็นโรค
อาการสำคัญของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
- ซีด
- มีไข้
- มีจุดจ้ำเลือดตามร่างกาย
- เลือดออกง่าย
นอกจากนี้ บางรายยังมีอาการต่อมน้ำเหลือง ตับ ม้ามโตร่วมด้วย โดยทั่วไปแล้วโรคนี้มีโอกาสหายขาดสูง โดยเฉพาะมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิด ALL หรือ Acute Lymphoblastic Leukemia ชนิดที่พบมากในเด็ก โดยมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิด ALL มีโอกาสหายขาดถึงร้อยละ 60-80
การรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
วิธีรักษาต้องใช้เคมีบำบัดร่วมกันหลายชนิด อาจต้องมีทั้งการกินยา ยาฉีดเข้าเส้น ยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ยาฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ยาฉีดเข้าน้ำในไขสันหลัง รวมถึงการฉายรังสี นอกจากนี้ ยังมีการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต (Stem Cell Transplantation) จากผู้บริจาคที่มีหมู่เนื้อเยื่อที่ตรงกันหรือเข้ากันได้กับผู้ป่วย
การป้องกันโรคมะเร็งทำได้เพียง ให้ลูกฉีดวัคซีนตามช่วงวัย เพื่อให้คุณหมอได้ตรวจเช็คร่างกายและพัฒนาการอย่างละเอียด และต้องคอยเฝ้าสังเกตความผิดปกติของร่างกายลูกอยู่เสมอ
วิธีดูแลผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
- บอกให้ลูกรู้ตัวว่าเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเพื่อให้เด็กได้ระวังและดูแลตัวเอง เพราะการรักษาโรคมะเร็งต้องใช้เวลา ควรได้รับความร่วมมือจากตัวผู้ป่วย พ่อแม่จึงต้องบอกเล่าเรื่องโรค อาการ และแนวทางการรักษา เลือกใช้คำที่เหมาะสมกับวัยให้เด็กได้เข้าใจ
- พ่อแม่ต้องคอยดูแลและติดตามอาการอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ เพราะยาเคมีบำบัด จะทำให้คนไข้มีภาวะแทรกซ้อน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง มีโอกาสเกิดภาวะซีด ติดเชื้อได้ง่าย และมีจุดเลือดออก
- ให้ลูกล้างมือบ่อย ๆ ใส่หน้ากากอนามัยเสมอ เมื่อต้องออกนอกบ้าน
- หลีกเลี่ยงการพาลูกไปในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน เพราะร่างกายของลูกไม่แข็งแรง เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อโรคได้ง่าย
- อาหารต้องสุก สด สะอาด งดผักสดและผลไม้สด เพราะเชื้อโรคและแบคทีเรียจากอาหารที่ไม่ผ่านการปรุงสุก จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระแสเลือดจนถึงขั้นเสียชีวิต
พ่อแม่ต้องพาลูกมาพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง แต่หากลูกมีความผิดปกติของร่างกาย มีไข้ ควรรีบมาโรงพยาบาล เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด
อ้างอิงข้อมูล : thairath และ phyathai
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม
ลูกหายใจครืดคราด สาเหตุเกิดจากอะไร 6 สาเหตุที่ทำให้เสียงหายใจลูกเป็นแบบนี้