โดยคุณหมอมนูญเผยว่า ผู้ป่วยหญิงชรารายดังกล่าวได้เดินทางมาพบเมื่อเดือนมกราคม 2559 โดยมีอาการของโรคเบาหวานและไขมันสูง มีอาการพูดไม่ชัด นึกคำพูดไม่ออก 3 วัน ทว่าภายหลังจากทำ MRI สมอง กลับพบว่า มีลมในเนื้อสมองข้างซ้ายขนาด 7x4x3.2 เซนติเมตร จึงได้ทำการรักษาและติดตามดูอาการไป และพบว่าอาการค่อย ๆ ดีขึ้น จนปัจจุบันกลับมาปกติดี ว่าแล้วเราไปอ่านบทความของคุณหมอมนูญพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
“ลมเข้าสมอง จากการบีบจมูกและเม้มปากเวลาจาม (น่าจะเป็นรายแรกของโลก)”
ผู้ป่วยหญิงไทยอายุ 82 ปีเป็นโรคเบาหวานและไขมันสูง มาหาผมเมื่อ ธค 2559 ด้วยอาการพูดไม่ชัด นึกคำพูดไม่ออก 3 วัน ได้ทำ MRI (คลื่นแม่เหล็ก)สมอง พบมีลม (air pocket)ในเนื้อสมองข้างซ้ายขนาด7x4x3.2ซม.( ดูลูกศรในรูปภาพ ) ติดตามไป อาการดีขึ้นช้าๆ ปัจจุบันปกติดี ผมเพิ่งทราบสาเหตุทำไมอยู่ดีๆลมเข้าสมองผู้ป่วยคนนี้ได้ (หลังจากอ่านรายงานในวารสาร BMJ Case Reports ของวันที่ 15 มค 2561 และกำลังเป็นข่าวดังไปทั่วโลกขณะนี้ ชี้ให้เห็นถึงอันตรายของการเอามือบีบจมูก เม้มปากเวลาจาม) ด้วยการกลับไปซักประวัติใหม่ว่าผู้ป่วยทำอย่างนั้นก่อนป่วยหรือไม่ ผู้ป่วยตอบว่าก่อนไม่สบาย กำลังจะสั่งน้ำมูก เกิดจามขณะเอามือบีบจมูก เอานิ้วอุดรูหูข้างขวาและเม้มปากพร้อมๆกัน หลังทำหูข้างซ้ายอื้อและมีเสียงดัง ลมจากการจามออกทางจมูกปากไม่ได้ คงผ่านจากท่อในปากเข้าหูชั้นกลางด้านซ้ายแล้วทะลุผ่านกระโหลกใต้สมองเข้าสมองด้านซ้าย( ดูลูกศรในรูปภาพ ) รายนี้น่าจะเป็นรายแรกของโลกที่ลมรั่วเข้าสมองเกิดจากการบังคับไม่ให้จามออกทางปากและจมูก นอกจากปอดรั่ว แก้วหูทะลุ ผนังช่องคอทะลุ เส้นเลือดในสมองแตก ยังมีลมรั่วผ่านกระโหลกเข้าสมองได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นอย่าทำร้ายตัวเองด้วยการเอามือมาบีบจมูกและเม้มปากเวลาจามเด็ดขาด