พาลูกเล็กไปเที่ยวตามที่ต่างๆ มีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงดังนี้
* การติดเชื้อ
การพาลูกเล็กๆไปตามสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันมากๆ ที่แออัด หรือห้องแอร์ที่อากาศไม่ถ่ายเท ไม่มีแสงแดด ไม่มีระบบกำจัดเชื้อโรคหรือฟอกอากาศ ทำให้มีโอกาสสูงที่จะได้รับเชื้อโรค โดยเฉพาะในเด็กเล็กซึ่งระบบภูมิคุ้มกันยังไม่ดี อาจได้รับเชื้อโรคที่ติดต่อทางละอองฝอยจากการไอหรือจาม ซึ่งล่องลอยอยู่ในอากาศและมองไม่เห็น ทำให้ป้องกันได้ยาก โดยเฉพาะการพาลูกไปเล่นเครื่องเล่นหรือบ้านบอลซึ่งเด็กๆชื่นชอบ เพราะมักมีเชื้อโรคซึ่งเด็กที่เป็นหวัดเอาน้ำมูกหรือน้ำลายไปป้ายไว้ พอลูกไปเล่นก็มักเอามือหรือของเล่นเข้าปากจนติดเชื้อโรคนั้นไปด้วย
นอกจากนี้ เด็กเล็กยังมีความน่ารักน่าเอ็นดู ใครเห็นก็อดไม่ได้ที่จะเข้ามาแอบหอมแก้ม จับหน้า จับมือลูก แล้วลูกก็เอามือตัวเองเข้าปากดูด บางครั้งก็จู่โจมด้วยความรวดเร็วจนคุณแม่หลบหรือห้ามไม่ทัน ลูกจึงได้รับเชื้อจากคนแปลกหน้าจนป่วยด้วยโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ซึ่งทำให้เป็นหวัด ระบบทางเดินอาหาร ซึ่งทำให้ท้องร่วงและอาเจียน หรือบางครั้งอาจเป็นโรคที่ร้ายแรง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคเริมที่ปาก
ดังนั้น หากจำเป็นต้องพาลูกไปห้างเพราะไม่มีคนดูแลอยู่ที่บ้านและคุณแม่ต้องไปจับจ่ายซื้อของ ก็ขอให้เลือกช่วงที่คนไม่พลุกพล่าน ไม่ให้ใครจับหรืออุ้มลูก และถ้าให้ลูกเล่นเครื่องเล่น หลังเล่นเสร็จให้รีบล้างมือทันที หรือควรพกแอลกอฮอล์เจลติดตัวไว้ใช้ถูมือในกรณีที่หาที่ล้างมือไม่ได้
* วัตถุประสงค์ของการไปสถานที่ดังกล่าว
เช่น ถ้าคุณแม่ไปซื้อของ ไปกินข้าวกับเพื่อน หรือแอบสวีทดูหนังกับสามี ก็ไม่ต้องพาลูกไปด้วย เพราะเขาไม่ได้ประโยชน์จากการไปดังกล่าว แถมยังเพิ่มความเสี่ยงในการรับเชื้อโรคอีกด้วย อาจฝากคนที่บ้านหรือเพื่อนบ้านที่ไว้วางใจช่วยดูแลลูกแทนชั่วคราว (แล้ววันหน้าก็ค่อยดูแลลูกของเพื่อนบ้านเป็นการตอบแทน)
คุณแม่อาจคิดว่าน่าจะพาลูกเข้าห้างตากแอร์เพราะอากาศข้างนอกร้อนเหลือเกินหรือฝนตก พอเข้าห้างก็มีทั้งที่กินอาหาร ที่จอดรถสะดวกสบาย ที่ให้เด็กเล่น ซึ่งจริงๆแล้วก็พาลูกไปได้บ้างค่ะ แต่อย่าลืมว่าการพาเขาไปวิ่งเล่นหรือขี่จักรยานตามสวนสาธารณะในวันที่อากาศดีๆ ไปเที่ยวสวนสัตว์ ชมพิพิธภัณฑ์ หรือห้องสมุด จะช่วยเปิดโลกทัศน์ให้ลูกได้มากขึ้น หากพาเข้าห้างอย่างเดียว เขาจะขาดโอกาสในการเรียนรู้สิ่งดีๆอีกมากมาย
ส่วนการพาไปทะเลหรือการเดินทางไปต่างประเทศเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์และรู้จักธรรมชาติก็เป็นเรื่องที่ดีมิใช่น้อย แต่บางครั้งลูกอาจยังเล็กเกินกว่าที่จะได้เรียนรู้ในสิ่งที่พ่อแม่อยากให้เขาได้รับ และการเดินทางไกลอาจทำให้ทั้งคุณและลูกเหน็ดเหนื่อยโดยไม่จำเป็น เพราะหากลูกเดินไม่ไหว คุณก็ต้องอุ้มหรือกระเตงทั้งข้าวของทั้งรถเข็นพะรุงพะรังไปหมด จนอาจทำให้เที่ยวไม่สนุกเพราะเหนื่อยเกินไป สู้รอให้ลูกโตอีกหน่อย รู้เรื่องมากขึ้นอีกนิด เขาก็จะได้ประโยชน์จากการเที่ยวและอาจคุ้มค่ากับการเดินทางไกลมากขึ้น (ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกนะคะ หากไม่ได้พาลูกเล็กไปเที่ยว)
แต่ถ้าเป็นการไปเที่ยวเพราะคุณได้ลาพักร้อนหลังจากทำงานเหน็ดเหนื่อยมาทั้งปี และวางแผนไปเที่ยวทั้งครอบครัวให้สุขสันต์กันเต็มที่ (ถ้าไปเฉพาะผู้ใหญ่โดยไม่เอาลูกไปด้วยก็กลัวว่าจะคิดถึงลูกจนเที่ยวไม่สนุก) ก็ลุยได้เลยค่ะ เอาไปกันทั้งบ้านได้เลย
* การเดินทาง
หากเป็นการเดินทางไกลโดยรถยนต์ ต้องหยุดพักทุก 2 ชั่วโมง เพราะลูกอาจเหนื่อยเกินไป และต้องให้ลูกนั่งในคาร์ซีทตรงเบาะหลัง เพราะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดเวลาเกิดอุบัติเหตุ
หากเดินทางโดยเครื่องบินระยะไกล ควรรอให้ลูกอายุ 2 เดือนขึ้นไป จึงแข็งแรงพอที่จะทนความเครียดจากการบินได้ และเลือกเวลาเดินทางที่เป็นเวลานอนของลูก จะได้มีปัญหาในการปรับตัวเรื่องเวลาน้อยที่สุด แต่ไม่แนะนำให้เดินทางทางเรือ เพราะภัยพิบัติทางน้ำและทะเลเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ ทั้งยังมักเป็นภัยธรรมชาติที่รุนแรงและช่วยเหลือได้ลำบาก
* การเตรียมตัว
นอกจากการเตรียมเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ ของเล่น อาหาร และของว่างสำหรับลูกและทุกคน โดยแบ่งใส่กระเป๋าใบใหญ่และกระเป๋าถือซึ่งหยิบของที่ต้องการออกมาได้โดยง่ายแล้ว คุณแม่ต้องอย่าลืมเตรียมยาเผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉินด้วย
อ่านต่อ บทความน่าสนใจ คลิก!
- พาลูกน้อยไปที่ชุมชนเมื่อใด ระวังภัยโรคติดเชื้อไมโคพลาสมา
- IPD โรคติดเชื้อ สาเหตุการตายอันดับ 1 ในเด็ก
- 6 โรคฮิต ที่เบบี๋มักเป็น คุณแม่มือใหม่ต้องรู้ไว้!
ขอบคุณเรื่องราวประสบการณ์จริงและภาพจาก คุณแม่ มาริษา ดาว
บทความโดย: กองบรรณาธิการนิตยสาร Amarin Baby & Kids