วิธีป้องกันโรคปวดบวมในเด็กเล็ก
อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การป้องกันโรคปวดบวมในเด็ก คือ ควรให้เด็กรับประทานนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน เพราะนมแม่มีสารอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กแข็งแรง หลีกเลี่ยงการสัมผัสโรค ไม่ควรให้เด็กใกล้ชิดหรือคลุกคลีกับผู้ป่วยทุกประเภท หลีกเลี่ยงการนำเด็กไปอยู่ในที่แออัด เด็กที่อายุต่ำกว่า 3 ปี ไม่ควรส่งไปเลี้ยงตามสถานเลี้ยงเด็ก ควรดูแลอยู่ที่บ้าน
Must read : ประโยชน์คับเต้า นมแม่ทำอะไรได้มากกว่าที่คิด
Must read : น้ำนมเหลือง สิ่งมหัศจรรย์ปกป้องลูกจากโรคร้าย
และถ้าเด็กมีอาการไอ จาม มีน้ำมูก ควรใช้ผ้าปิดปากและจมูก ทำความสะอาดของเล่นเด็กบ่อยๆ ฝึกหัดให้เด็กล้างมือทุกครั้งหลังทำกิจกรรมต่างๆ จัดสภาพแวดล้อมให้มีอากาศถ่ายเทและดูแลความสะอาดของบ้านอยู่เสมอและที่สำคัญเด็กทุกคนควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข จะทำให้เด็กมีความแข็งแรง ห่างไกลจากโรคปอดบวม
Must read : ยาน้ำลดไข้ ของเด็ก แต่ละยี่ห้อแตกต่างกันอย่างไร พ่อแม่ควรรู้!
Must read : ยาแก้ไอ สําหรับทารก เลือกแบบไหน อย่างไรให้ลูกดี?
การสังเกตอาการเบื้องต้นของโรคปอดบวม
โรคปอดบวม จะอยู่ในภาวะป่วยหนักหรือรุนแรง จะมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ คือ
- ไม่ยอมกินนมหรือน้ำ ซึมมาก ปลุกตื่นยาก
- หายใจมีเสียงดัง หายใจแรงจนชายโครงบุ๋ม มีอาการขาดน้ำ
- ค่าความเข้มข้นออกซิเจนในเลือดต่ำ ซึ่งถือว่าเป็นภาวะป่วยหนัก ควรรับการรักษาในโรงพยาบาล
และแม้โรคปอดบวมจะพบมากในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ แต่ผู้สูงอายุก็ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงเช่นกัน ประชาชนทุกคนควรดูแลสุขภาพตัวเองและคนในครอบครัว การสร้างสภาพแวดล้อมให้น่าอยู่ ลดควันบุหรี่ ล้างมือและฉีดวัคซีนป้องกันโรค ซึ่งช่วยลดปัญหาโรคปอดบวมลงได้มาก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
แนวทางการป้องกันโรคกลุ่มอาการไข้หวัดและปอดบวม
อย่างไรก็ดีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ได้ให้แนวทางในการป้องกันโรคกลุ่มอาการไข้หวัดและปอดบวมจะเหมือนกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดดังนี้
1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสโรค โดยไม่ควรให้เด็กใกล้ชิดหรือคลุกคลีกับผู้ป่วยทุกประเภท หลีกเลี่ยงการนำเด็กไปอยู่ในที่แออัด เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีควรดูแลที่บ้าน ไม่ควรส่งไปเลี้ยงตามสถานเลี้ยงเด็ก และถ้าเด็กมีอาการไอ จาม มีน้ำมูก ควรพิจารณาใช้ผ้าปิดปากและจมูก ควรทำความสะอาดของเล่นเด็กบ่อยๆ
2. มีอนามัยส่วนบุคคล โดยฝึกหัดให้เด็กล้างมือบ่อยๆ ไม่ขยี้ตาหรือจมูก และควรดูแลความสะอาดของบ้านเรือนให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก นอกจากนี้สิ่งแวดล้อมที่ทำให้เป็นหวัดและปอดบวมได้ง่ายคือ การอยู่ในบ้านที่มีคนสูบบุรี่ บ้านที่ใช้ฟืนหุงต้มอาหารและมีควันในบ้าน เช่น ควันไฟ ควันบุหรี่ ควันจากท่อไอเสียรถยนต์
3. เพิ่มความต้านทานโรค ควรให้เด็กได้รับนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน และให้อาหารครบ 5หมู่ หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ ที่สำคัญเด็กทุกคนควรต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามมาตรฐานกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข นอกจากนั้นยังมีวัคซีนเสริมบางชนิดที่ช่วยลดการเกิดโรคปอดบวมในเด็ก ได้แก่ วัคซีนไอพีดี ซึ่งจะป้องกันโรคปอดบวมจากเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัส วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ป้องกันโรคปอดบวมจากไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดตามฤดูกาลในปีนั้นๆ
Must read : วัคซีนพื้นฐาน 6 ชนิดที่ลูกน้อยต้องได้รับ
Must read : ลูกจำเป็นต้องรับวัคซีนเสริมหรือไม่?
4. ผู้เลี้ยงดูเด็กควรรู้จักอาการแรกเริ่มของโรคปอดบวม และควรนำมาพบแพทย์
√ แนวทางการักษา
สำหรับแนวทางการักษา ขึ้นอยู่กับเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุ อายุผู้ป่วย และความรุนแรงของโรคในเด็กที่ป่วยเป็นปอดบวมระยะแรกหรือไม่รุนแรง ควรพาไปรับการรักษาจากแพทย์ อาจให้ยาปฏิชีวนะ และให้มาดูอาการที่บ้านเช่นเดียวกับโรคหวัด จากนั้นแพทย์อาจนัดมาดูอาการเป็นระยะ ขณะรักษาตัวที่บ้านให้ดูแลทั่วไปคือ กินอาการตามปกติ ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อน กินยาตามแพทย์สั่ง หากอาการยังไม่ดีขึ้นให้รีบนำไปตรวจซ้ำหรือหรือไปตรวจตามแพทย์นัด ส่วนผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาล แพทย์จะให้การรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้และเช็ดตัวลดไข้ เคาะปอดเพื่อระบายเสมหะออก ให้ออกซิเจน ยาขยายหลอดลม ยาขับเสมหะ กระตุ้นให้ดื่มน้ำอุ่นช่วยระบายเสมหะ ให้น้ำเกลือทางเส้นเลือดในผู้ป่วยบางราย ส่งเสริมการพักผ่อนนอนหลับเพื่อลดปริมาณการให้ออกซิเจนในร่างกาย และบางครั้งอาจให้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย
สิ่งสำคัญคือ ถ้าคุณพ่อคุณแม่ สังเกตเห็นลูกน้อย มีอาการไอ จาม มีน้ำมูก ควรใช้ผ้าปิดปากและจมูก ทำความสะอาดของเล่นเด็กบ่อยๆ ฝึกหัดให้เด็กล้างมือทุกครั้งหลังทำกิจกรรมต่างๆ จัดสภาพแวดล้อมให้มีอากาศถ่ายเทและดูแลความสะอาดของบ้านอยู่เสมอและที่สำคัญเด็กทุกคนควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข จะทำให้เด็กมีความแข็งแรง ห่างไกลจากโรคปอดบวมได้แน่นอน
อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!
- โรคปอดบวมในเด็ก รู้ทันอาการ ป้องกันลูกเสียชีวิตได้ !!
- เคาะปอดขับเสมหะ ให้ลูกน้อย วิธีง่ายๆทำได้เองที่บ้าน
- ล้างจมูกลูกอย่างไรให้ปลอดภัย ถูกต้องแต่ละช่วงวัย
- สีของน้ำมูก สามารถบอกสุขภาพของลูกได้
ขอบคุณข้อมูลจาก : dodeden.com , www.komchadluek.net , www.1morenews.com , manager.co.th