โดย ศ.พญ.นวลอนงค์ วิศิษฏสุนทร ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้อธิบายถึงอาการที่ลูกเจ็บคอ และเสี่ยงเป็นต่อมทอนซิลอักเสบว่า…
ลูกเจ็บคอสาเหตุเกิดจาก
1. เชื้อไวรัสเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย ส่วนใหญ่การรักษาทำได้ไม่ยาก เพียงรับประทานยา รักษาตามอาการ พักผ่อนให้เพียงพอ เจ้าหนูน้อยก็จะฟื้นตัวหายดีภายในระยะเวลาอันสั้น
2. เชื้อแบคทีเรียโดยเฉพาะที่เกิดจากเชื้อเบตา สเตรปโตค็อกคัส กลุ่มเอ ผู้ป่วยจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลรักษาของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะหากได้รับการรักษาไม่ถูกวิธี รับประทานยาไม่ครบขนาด หรือใช้ยาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิภาพไม่เพียงพอที่จะกำจัดเชื้อชนิดนี้ได้แม้อาการจะทุเลาลงแต่ก็มีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนรุนแรงได้
อาการที่พ่อแม่ต้องสังเกต!
เมื่อลูกเจ็บคอ เป็นทอนซิลอักเสบเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
1. ไข้สูง ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดศีรษะ บางรายอาจมีไข้สูงจนชักได้
2. อ่อนเพลีย หรืออาจโยเย ร้องกวนไม่ยอมนอน
3. เบื่ออาหาร
4. คอหรือต่อมทอลซิลแดง บางรายอาจมีหนองร่วมด้วย
5. อาจกลืนอาหารและน้ำลำบาก โดยเฉพาะในเด็กเล็ก
6.อาจอาเจียน ปวดท้อง หรือมีอาการท้องเดินร่วมด้วย
โรคแทรกซ้อนสำคัญที่ต้องระวัง
เชื้อเบตา สเตรปโตค็อกคัส กลุ่มเอ อาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่รุนแรงต่อหัวใจของเด็ก โดยที่เชื้อนี้จะทำให้เกิดการอักเสบของข้อต่าง ๆ และมักมีอาการอักเสบของหัวใจร่วมด้วย เราเรียกว่า “ไข้รูมาติก” โดยทั่วไปจะพบภายหลังคออักเสบหรือต่อมทอนซิลอักเสบแล้วไม่ได้รับการรักษาภายใน 1 – 4 สัปดาห์ ทั้งนี้เนื่องจาก หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง หรือปล่อยให้อาการกำเริบซ้ำ ๆ จะทำให้หัวใจอักเสบเรื้อรัง และในที่สุดหัวใจก็จะตีบและรั่ว หรือที่เรียกว่า “โรคหัวใจรูมาติก” บางรายอาจต้องได้รับการการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ทำให้สิ้นเปลืองเงินทองและเวลาเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เชื้อกลุ่มนี้ยังทำให้เกิดอาการไตอักเสบได้หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง
อ่านต่อ >> “วิธีการรักษาคออักเสบ หรือต่อมทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่