ปัญหาที่คุณพ่อคุณแม่แทบทุกครอบครัวจะต้องเผชิญก็คือ ปัญหาของการที่ ” ลูกดื่มน้ำน้อย ” นั้นส่งผลโดยตรงกับร่างกายของลูก ยกตัวอย่างเช่น ท้องผูก ริมฝีปากแห้ง ตาแห้ง หรือมีปัญหาในเรื่องของระบบการย่อยอาหาร เป็นต้น แต่ใครจะไปคิดละว่า อีกหนึ่งผลกระทบที่น่ากลัวก็คือ “โรคนิ่ว”
โรคนิ่ว คืออะไร?
โรคนิ่วนั้นไม่ได้เพิ่งมีนะคะ เป็นโรคที่มีกันมานานมากแล้วละค่ะ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในโรคที่เป็นปัญหาที่พบมากทั่วโลก และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
โรคนิ่ว ที่พบบ่อนั้นมีสองประเภทด้วยกันคือ
- นิ่วในถุงน้ำดี
- นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ อันได้แก่ นิ่วในไต นิ่วในท่อไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ และนิ่วในท่อปัสสาวะ
ซึ่งทั้งสองประเภทนี้มีความแตกต่างกันทั้งในส่วนประกอบ สาเหตุ รวมทั้งการดูแลรักษา แต่ที่เรียกนิ่วเหมือนกันนั้นเป็นเพราะลักษณะที่เห็นเป็นก้อนคล้ายหินเหมือนกันนั่นเองค่ะ
อาการของโรคนิ่ว สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบดังนี้
- แบบไม่มีอาการและมักตรวจพบโดยบังเอิญ ขณะตรวจโรคอื่นหรือจากการตรวจร่างกายประจำปี
- แบบที่มีอาการ ยกตัวอย่างเช่น แน่นท้อง ท้องอืด อาหารไม่ย่อย มีลมมาก หรือปวดเป็นพัก ๆ บริเวณลิ้นปีหรือใต้ชายโครงขวาร่วมกับคลื่นไส้อาเจียน ซึ่งมักจะเป็นหลังจากรับประทานอาหารมัน ๆ ส่วนในกลุ่มที่มีการอักเสบของถุงน้ำดี อาการปวดท้องจะมีความรุนแรงมากขึ้น อาจปวดทะลุหลัง มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน และตัวเหลือตาเหลืองร่วมด้วย
ดังนั้น วิธีป้องกันโรคนิ่วที่ดีสุดก็คือ การดื่มน้ำเยอะๆ สองถึงสามลิตรต่อวัน หรือประมาณวันละ 6-8 แก้ว และรับประทานอาหารแต่พอเหมาะเน้นผักผลไม้
อะไรคือสาเหตุของการเกิดโรคนิ่ว คลิกอ่านได้ที่หน้าถัดไป