คุณพ่อคุณแม่คะ หลายต่อหลายครั้ง ที่เรามักจะได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับอุบัติเหตุของเด็ก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่กำลังอยู่ในวัยซุกซนอยากรู้อยากเห็น … เด็กไม่ทราบหรอกค่ะว่า ตรงไหนอันตรายหรือไม่อันตรายอย่างไร และบ่อยครั้งที่เวลาเตือนแล้วเขาไม่ฟัง เหมือนกับยิ่งห้ามก็ยิ่งยุ ดังนั้น สิ่งคนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเราสามารถทำได้ก็คือ “ป้องกันและดูแล อย่า!! ปล่อยลูกให้อยู่ลำพัง โดยเด็ดขาด”
อย่าคิดว่า เวลาแค่ไม่กี่นาที จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ทุกที่ และทุกเวลา และเพื่อให้เกิดประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่ ทีมงานขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวของอุบัติเหตุที่พบได้บ่อยภายในบ้านค่ะ จะมีบริเวณไหนบ้าง ไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
1.อุบัติเหตุจากการนอน
อุบัติเหตุจากการนอนเกิดได้ทั้งจากการนอนของพ่อแม่และการนอนของทารกเอง เช่น ทารกแรกเกิดเสียชีวิตเพราะคุณแม่นอนให้นมจนทับลูก นอนหลับลึกเพราะฤทธิ์ยาหรืออ่อนเพลีย จากการคลอด หรือจากของใช้บนเตียงไม่ว่าจะเป็นหมอน ผ้าห่ม หรือแม้แต่ที่นอนเอง …ซึ่งอุบัติเหตุที่พบส่วนใหญ่นั้นจะเป็นอุบัติเหตุที่มักเกิดขึ้นกับเด็กทารก หรือเด็กเล็กที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย
2.จมน้ำ
สมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกาเคยออกประกาศเตือนภัยว่า ใครมีลูกหลานอยู่ในวัย 1 – 2 ขวบจะต้องระวัง เรื่องการจมน้ำตายให้มาก ในเด็กไทยของเราเองมีสถิติที่น่ากลัวมิใช่น้อย อัตราการตายจากการจมน้ำในเด็ก 1 – 2 ขวบอยู่ที่ประมาณ 13 – 14 คนต่อ 100,000 คน โดยเด็กวัย 1 – 4 ขวบมีตัวเลขจมน้ำเสียชีวิตสูงกว่าเด็กญี่ปุ่น 3 เท่า และสูงกว่าเด็กสวีเดนอยู่ถึง 7 เท่า ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ จุดที่เด็ก ๆ ของบ้านเราจมน้ำเสียชีวิตก็คือ แหล่งน้ำภายในบ้านหรือใกล้ ๆ บ้าน เช่น ถังน้ำหรือกะละมังที่ปริ่มน้ำ โอ่งน้ำที่ไม่ปิดฝาหรือไม่มีฝาปิด บ่อน้ำที่ไม่มีรั้วกั้น รวมถึง ส้วมชักโครกที่เปิดฝาไว้ และมักที่จะเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงปิดเทอมค่ะ
3.ห้องครัว
หลายต่อหลายครั้งที่เรามักจะได้ยินข่าวคราวเด็กถูกน้ำร้อนลวก เพราะมือไปหยิบกาน้ำร้อน หม้อข้าว หรือหม้อแกง โดยที่ลูก ๆ ไม่ทราบหรอกค่ะว่าร้อน แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ประกอบกับอยู่ในช่วงของวัยกำลังเรียนรู้ จึงไปจับและคว้า จนเป็นเหตุให้น้ำร้อนราดลงมาที่ตัว มือ หรืออวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้
คุณพ่อคุณแม่คะ จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุที่เกี่ยวกับเด็กนั้น ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากการที่คุณพ่อคุณแม่ประมาทและ ปล่อยลูกให้อยู่ลำพัง โดยที่คิดว่า ใช้เวลาไม่นาน ดังนั้น เพื่อไม่ให้ต้องเกิดขึ้นกับเด็กคนไหนอีก อย่าลืมดูแลลูกกันอย่างใกล้ชิดกันด้วยนะคะ
ขอขอบคุณเรื่องราวจากคุณแม่สุทธิรักษ์ น้อยเพิ่ม
อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่