CPR คือ Cardio Pulmonary Resuscitation การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน เป็นการช่วยผู้ที่กำลังจะหยุดหายใจ หรือหัวใจกำลังจะหยุดเต้น ให้ปอดและหัวใจฟื้นคืนชีพขึ้นมา
CPR คือ อะไร? เรียนรู้ไว้ กู้ภัยให้ลูกรักปลอดภัยเมื่อสำลัก
ทีมกองบรรณาธิการ ABK ขอรีวิว!! วันนี้ได้มีโอกาสไปเดินงาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 21 Presented By Lazada มา และได้ฟังงานเสวนาเรื่อง ภารกิจพิชิตหัวใจ กู้ภัยลูกรักและคนที่รักในครอบครัวให้ปลอดภัยจากการหมดสติ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญจากมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศในพระบรมราชูปถัมภ์ โครงการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (CPR) เป็นงานเสวนาที่มีประโยชน์และได้ความรู้มาก ๆ เลยค่ะ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เราสามารถช่วยเหลือลูก และคนในครอบครัวที่เรารักได้ จึงขอนำความรู้ที่ได้มาแชร์ให้แม่ ๆ ได้อ่านกันค่ะ
CPR คือ อะไร? เรียนรู้ไว้ กู้ภัยให้ลูกรักปลอดภัยเมื่อสำลัก
อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิด โดยเฉพาะหากเกิดกับลูก หรือคนในครอบครัวที่เรารัก แต่หากเกิดขึ้นแล้ว คุณพ่อคุณแม่ต้องตั้งสติให้ดี เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้อย่างรวดเร็ว และถูกต้อง ด้วยวิธีช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานในนานทีฉุกเฉิน เพื่อบรรเทาการเจ็บหนัก ลดอัตราการเสียชีวิตได้อย่างทันท่วงที
CPR หรือการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน ไม่ใช่เรียนรู้เพื่อที่จะช่วยชีวิตลูก และคนในครอบครัวเท่านั้น หากแต่ยังมีโอกาสช่วยชีวิตผู้อื่น ที่หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้
ขั้นตอนการทำ CPR
- นำผู้ที่หมดสติมาอยู่ในที่ ๆ ปลอดภัย จากนั้นตบแรง ๆ ที่ไหล่ หรือเรียกดัง ๆ ดูว่ามีสติ หรือมีการตอบสนองหรือไม่
- โทรขอความช่วยเหลือที่สายด่วน 1669 โดยบอกรายละเอียดผู้ป่วย จำนวนผู้ป่วย สถานที่เกิดเหตุ และเบอร์โทรติดต่อกลับ หรือเปิดลำโพงโทรศัพท์ เพื่อทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
- นำผู้ป่วยให้นอนหงายอยู่บนพื้นราบแข็ง จัดแขนให้อยู่ข้างลำตัว ไม่บิดไปมา
- หาตำแหน่งวางมือบนหน้าอก ถ้าผู้ป่วยหมดสติ ไม่ตอบสนอง ไม่มีสัญญาณชีพ ให้วางส้นมือข้างที่ถนัดไว้ที่ครึ่งล่างของกระดูกหน้าอก แล้วนำมืออีกข้างหนึ่งวางประกบด้านบน ล็อคนิ้วด้านบน และกระดกปลายนิ้วมือด้านล่างขึ้น โน้มตัวไปข้างหน้า ให้แขนตั้งฉากกับผู้ป่วย จะทำให้ส้นมือเป็นจุดที่สัมผัสกับตัวผู้ป่วยเพียงจุดเดียว ไม่วางมือลงไปบริเวณแผ่นอกทั้งหมด เพราะจะทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ซี่โครงด้านซ้ายได้ ในการกดหน้าอก ให้ยกสะโพกขึ้น โน้มตัวไปด้านหน้า ให้แขนตรง ตึง จากนั้นทำการกดหน้าอกทันที แต่ระวังอย่ากดโดนกระดูกซี่โครง เพราะอาจหักได้
- กดหน้าอก 30 ครั้ง โดยมีเป้าหมายให้ระบบไหลเวียนเลือดยังทำงาน ถึงแม้ว่าหัวใจจะหยุดเต้นก็ตาม โดยกดให้ยุบลงอย่างน้อย 2 นิ้ว จากนั้นกดแล้วปล่อย กดแล้วปล่อย คือให้หน้าอกยกตัวขึ้นมาให้สุด แล้วจึงทำการกดครั้งต่อไป ทำติดต่อกัน 30 ครั้ง ให้ได้ความถี่ 100 – 120 ครั้ง/นาที โดยนับ 1 และ 2 และ 3 ไปจนถึง 30 และเป่าปาก 2 ครั้ง เป็น 1 รอบ โดยการเป่าปาก ให้ใช้สันมือกดที่หน้าผาก และ 2 นิ้วอีกข้างเชยคาง เพื่อเปิดทางเดินหายใจ ขณะทำการเป่า ประกบปากให้สนิท ใช้ 2 นิ้วบีบจมูก แล้วเป่า สังเกตให้หน้าอกของผู้ป่วยยกขึ้น ทำทั้งหมด 5 รอบ ประมาณ 2 นาที
- เปิดทางเดินหายใจให้โล่ง ด้วยการกดหน้าผากลงเบา ๆ แล้วเชยคางขึ้น
- กดหน้าอก 200 ครั้ง โดยทำอย่างต่อเนื่องประมาณ 2 นาที พร้อมประเมินอาการของผู้ป่วย ด้วยการตบไหล่ และเรียกเสียงดัง ๆ ถ้าไม่มีคนช่วย ให้พักได้ไม่เกิน 10 วินาที จากนั้นให้ทำการกดหน้าอกต่อ จนกว่าผู้ป่วยจะมีความเคลื่อนไหว หรือไอ หรือมีผู้นำเครื่องช็อคหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ หรือ AED มา
- อีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญในการทำการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน คือ เครื่อง AED หรือเครื่องช็อคไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ เครื่องสามารถวินิจฉัยจังหวะของการเต้นของหัวใจ และให้การรักษาด้วยการช็อคไฟฟ้า เพื่อให้หัวใจกลับมาเต้นได้อีกครั้ง ใครที่ได้รับการฝึกก็สามารถใช้เครื่องนี้ได้ ระบบอิเลคทรอนิกส์ในเครื่อง จะออกคำสั่งให้เราเป็นผู้ปฎิบัติตาม เริ่มแรกผู้ทำการช่วยเหลือจะต้องกดปุ่มเปิดเครื่อง AED แล้วดึงแผ่นนำไฟฟ้า ติดตามรูปที่แสดง แผ่นแรกจะต้องนำไปติดที่หน้าอกตอนบน ใต้กระดูกไหปลาร้าด้านขวา และแผ่นที่ 2 จะต้องติดที่ใต้ราวนมซ้าย ด้านข้างลำตัว และที่สำคัญคือ จะต้องติดให้แนบสนิทกับหน้าอกของผู้ป่วย จากนั้น เครื่อง AED จะทำการวิเคราะห์จังหวะการเต้นของหัวใจ ซึ่งขณะนี้ ห้ามผู้ที่ช่วยเหลือสัมผัสตัวของผู้ป่วยเด็ดขาด เมื่อเครื่องวินิจฉัยเสร็จแล้ว จะขึ้นสัญญาณให้ทำการช็อคไฟฟ้า ให้ผู้ช่วยเหลือพูดดัง ๆ ว่า ชั้นถอย คุณถอย ทุกคนถอย แล้วกดปุ่มช็อค ตามสัญญาณที่ปรากฎอยู่บนตัวเครื่อง และสลับกับการทำ CPR แต่ถ้าเครื่อง AED ไม่สั่งให้ช็อค ให้เราทำ CPR อย่างต่อเนื่อง จนกว่าเจ้าหน้าที่กู้ชีพจะมาถึง โดยการช่วยเหลือควรทำให้เร็วที่สุด จะช่วยเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตของผู้ป่วยฉุกเฉินได้มากขึ้น
วิธีการช่วยชีวิตกรณีเด็กเล็ก อายุต่ำกว่า 1 ปี สำลักนม อาหารติดคอ หมดสติ
- หาที่นั่ง หรือนั่งคุกเข่า ใช้มือจับอยู่ที่บริเวณกรามของเด็ก เพื่อป้องกันไม่ให้กดที่คอเด็ก จับเด็กนอนคว่ำหน้าลงวางบนแขน วางแขนที่หน้าขาด้านเดียวกัน พร้อมทั้งเหยียดขาออกไป ให้ศีรษะเด็กอยู่ต่ำกว่าลำตัว ใช้แขนและลำตัวของเราหนีบขาเด็ก ใช้ 2 นิ้วดันคางเด็ก เพื่อเปิดทางเดินหายใจ
- ใช้สันมืออีกข้างนึง ทุบที่บริเวณระหว่างสะบักทั้ง 2 ข้าง ทุบพอประมาณ 5 ครั้ง
- สังเกตที่พื้นว่ามีอะไรออกมาหรือไม่ หรือเด็กเริ่มร้องหรือยัง ถ้ามีเสียงร้องแสดงว่าทางเดินหายใจเริ่มเปิดแล้ว
- ใช้มือข้างที่ทุบหลัง พลิกตัวเด็กให้นอนหงาย เปิดปากดูว่าเห็นสิ่งที่อุดกั้นทางเดินหายใจหรือเปล่า ถ้ามองเห็นสามารถหยิบออกได้ แต่ถ้าไม่เห็น ไม่ควรล้วง หรือควานหา เพราะสิ่งที่อุดกั้นอาจจะลงไปลึกกว่าเดิม
- ให้เด็กนอนศีรษะอยู่ต่ำกว่าลำตัว ใช้ 2 นิ้ว นิ้วชี้และนิ้วกลาง กดที่กระดูกหน้าอก ตรงกึ่งกลางระหว่างราวนมทั้ง 2 ข้าง จำนวน 5 ครั้ง ระหว่างนี้ สังเกตอีกครั้งว่า มีสิ่งใดตกมาที่พื้น หรือมีเสียงร้องหรือยัง สังเกตในปากว่าเห็นสิ่งใดหรือยัง ถ้าไม่เห็นก็ ห้ามล้วง ห้ามควัก ห้ามควาน
- ถ้าเด็กยังไม่ตอบสนอง ให้ทำซ้ำสลับไปมาระหว่างการทุบหลัง 5 ครั้ง และการใช้ 2 นิ้วกดที่หน้าอก จนกว่าจะมีทีมช่วยเหลือมา หรือเด็กมีอาการดีขึ้น คือเริ่มร้องได้ เริ่มหายใจเองได้ จึงหยุดทำ
วิธีการช่วยชีวิตเด็ก หรือผู้ใหญ่ อาหารติดคอ หมดสติ
- หากผู้ป่วยเอามือกุมที่คอ เมื่อสอบถามผู้ป่วยว่ามีอาหารติดคอใช่หรือไม่ ผู้ป่วยพยักหน้า ไม่สามารถพูดได้ นั่นแสดงว่ามีอาหารติดคอ ต้องรีบให้การช่วยเหลือ
- เข้าไปที่ด้านหลังของผู้ป่วย หากเป็นเด็กให้คุกเข่า โอบแขนทั้ง 2 ข้างไว้ใต้รักแร้ กำมือไว้ แล้ววางบริเวณเหนือสะดือใต้ลิ้นปี่ มืออีกข้างจับมือที่กำหมัดไว้
- รัดกระตุก แรง ๆ เร็ว ๆ ขึ้นไปข้างบน ลักษณะคล้ายจะยกผู้ป่วยขึ้น
- ทำซ้ำหลาย ๆ ครั้ง จะกว่าอาหารจะหลุดออกมา หรือจนกว่าผู้ป่วยจะหมดสติ
การไปร่วมฟังงานเสวนาของ ทีมกองบรรณาธิการ ABK ในวันนี้ ได้รับความรู้เป็นอย่างมาก การเรียนรู้วิธี CPR คือ สิ่งที่เป็นประโยชน์มาก ๆ คุณพ่อคุณแม่ควรเรียนรู้ไว้ เผื่อวันนึงอาจสามารถช่วยชีวิตคนสำคัญของเราได้นะคะ
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
ขอบคุณข้อมูลจาก : ทีมผู้เชี่ยวชาญจากมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศในพระบรมราชูปถัมภ์ โครงการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (CPR)
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่