ลูกติดเกม มีผลกับสมองจริง ๆ หรือ?
รศ.นพ. ศิริไชย หงษ์สงวนศรี สาขาวิชาจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า จากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติเรื่องการใช้เทคโนโลยีของเด็กและวัยรุ่นปี 2555-2556 ได้กล่าวสรุปแนวโน้มเด็กและเยาวชนว่าใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้นทุกปี อาทิ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต อินเตอร์เน็ต โดยผลสำรวจพบว่าเด็กและวัยรุ่นใช้เทคโนโลยีเพื่อความบันเทิงมากสุด เช่น ดูหนังฟังเพลง โหลดเกม โหลดเพลง เล่นเกม เล่นโซเชียลมีเดีย เป็นต้น
“แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด การเสพติดเทคโนโลยีส่งผลกระทบไปถึงสมองทำให้ประสิทธิภาพลดลง มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบทางสมองของผู้ที่ติดเทคโนโลยีว่า การติดจะทำให้การเชื่อมโยงของเซลล์ประสาทลดลง” รศ.นพ. ศิริไชย กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีงานศึกษาวิจัยล่าสุดที่กำลังตีพิมพ์ของต่างประเทศ ที่เขาศึกษาคนติดเกมออนไลน์ 73 คน เปรียบเทียบกับคนปกติ 38 คน ที่ไม่ติดเกมและไม่เป็นโรคทางจิตเวช ด้วยเครื่องมือโปรตอน เอ็มอาร์เอส ได้ข้อสรุปว่า “สมองส่วนหน้าและส่วนข้างของผู้ติดเกมลดลงไปค่อนข้างเยอะ ทำให้เป็นคนมีอาการคล้ายโรคสมาธิสั้น มีอาการคล้ายโรคซึมเศร้า ซึ่งหากติดมากมากเท่าไร อาการก็แสดงให้เห็นมากเท่านั้น” รศ.นพ.ศิริไชยย้ำ พร้อมทั้งเตือนพ่อแม่ผู้ปกครองให้ตระหนักว่า ยิ่งปล่อยให้ลูกเล่นเกมมากเท่าไหร่ เซลล์ประสาทในสมองก็จะยิ่งทำงานได้แย่ลงเท่านั้น และมีผลกระทบต่อสมองเหมือนการเสพยาเสพติดเลยทีเดียว