โรคไข้เลือดออกคืออะไร?
โรคไข้เลือดออก เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเด็งกี่ (Dengue) โดยมีพาหะเป็นยุงลายตัวเมีย ซึ่งเป็นโรคน่ากลัวเพราะอันตรายถึงชีวิตได้ แต่หากทราบอาการตั้งแต่เนิ่นๆ และได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีก็จะไม่อันตราย ดังนั้น คุณพ่อ คุณแม่จึงควรสังเกตอาการ เพื่อแยกแยะความแตกต่างของโรคไข้หวัดใหญ่ และโรคไข้เลือดออกให้ดี เพราะจะมีอาการคล้ายคลึงกัน หรือควรป้องกันด้วยการฉีดวัคซีน
ลักษณะอาการบ่งชี้ว่า ลูกเป็นโรคไข้เลือดออก
โดยปกติแล้วโรคไข้เลือดออกมีความรุนแรงที่แตกต่างกัน และมีระยะฟักตัวของเชื้อก่อนที่จะแสดงอาการประมาณ 5-8 วัน อาการที่เด่นชัดคือ ลูกจะเริ่มมีไข้สูงประมาณ 2-7 วัน (38.5-41 องศาเซลเซียส) ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา ร่วมกับปวดตามกล้ามเนื้อมาก บางรายมีเลือดออกผิดปกติ เช่น ถ่ายเป็นสีดำ อาเจียนเป็นเลือด เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน มีจุดเลือดออกที่ผิวหนัง อาจพบตับโต คือ กดเจ็บบริเวณใต้ชายโครงขวา ทานอาหารหรือนมไม่ค่อยได้ อาเจียนได้ในผู้ป่วยบางราย
** ในรายที่รุนแรงจะมีภาวะช็อก หากรักษาไม่ทัน ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ภายใน 24-48 ชั่วโมงเท่านั้น **
วิธีสังเกตความแตกต่างของไข้เลือดออก กับไข้หวัดใหญ่
1.ไข้เลือดออกจะมีไข้สูงเฉียบพลัน แต่ส่วนมากไม่มีน้ำมูก ไม่มีอาการไอแบบไข้หวัดใหญ่
2.ไข้เลือดออกอาจพบว่ามีจุดเลือดออกตามผิวหนัง แต่ไข้หวัดใหญ่ไม่มี
3.กรณีที่อาการรุนแรง จะมีเลือดออก เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน อาจถ่ายหรืออาเจียนเป็นเลือด
วิธีสังเกตลักษณะตุ่มของโรคไข้เลือดออก
หลังจากที่มีอาการไข้สูงประมาณ 2-7 วันแล้ว หลังจากไข้เริ่มลดลง จะมีผื่นแดงขึ้นมา ผื่นเหล่านี้จัดว่าอยู่ในระยะที่ต้องระมัดระวัง เสี่ยงต่อภาวะช็อคได้ ลักษณะจะเป็นตุ่มแดงขนาดเล็ก กระจายทั่วตัว และใบหน้า