ขณะที่ ดร.อาร์ ทอม กลาส แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคในช่องปากที่มหาวิทยาลัยโอคลาโฮมา บอกว่า แปรงสีฟัน แต่ละอันมีจุลินทรีย์อย่างน้อย 10 ล้านตัว! ซึ่งรวมถึงไวรัสไข้หวัดใหญ่สตาฟีโลคอคคัส สเตร็ปโตคอคคัส รวมถึงแบคทีเรียอีกหลายชนิดที่เป็นสาเหตุของโรคเหงือกและหินปูน โดยคำแนะนำที่ดีคือ พยายามเก็บ แปรงสีฟัน ของสมาชิกในครอบครัวให้ห่างกันอย่างน้อย 1 นิ้ว เพื่อไม่ให้เชื้อโรคติดต่อถึงกันได้ ให้เปลี่ยน แปรงสีฟัน ทุกครั้งหลังเป็นหวัด เป็นต้น
สำหรับการใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า ดร.อาร์ ทอม กลาส แห่งมหาวิทยาลัยโอคลาโฮมา กล่าวว่า การใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า ทำให้เชื้อโรคทำลายเหงือกของเราได้มากขึ้น ดังนั้นการใช้แปรงสีฟันแบบปกติที่มีขนาดเล็ก หัวแปรงสะอาด และเปลี่ยนทุกๆ 2 สัปดาห์จะดีกว่า
HOW – TO ทำความสะอาดแปรงสีฟันเด็ก แบบแม่มือโปร
หากคุณแม่สังเกตดี ๆ จะพบว่า เมื่อใช้งานแปรงสีฟันไปสักระยะอาจเกิดคราบสีเหลืองหรือสีดำบริเวณซอกขนแปรง ซึ่งสาเหตุของคราบดังกล่าวเกิดจากคราบเศษอาหารที่เหลือตกค้างจากการทำความสะอาด ร่วมกับการเก็บแปรงสีฟันในบริเวณที่อับชื้นจึงทำให้เกิดคราบเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียสะสมการป้องกันปัญหาดังกล่าวสามารถทำได้ดังนี้
1. หลังจากแปรงฟันแล้ว ต้องล้างแปรงสีฟันให้สะอาดทุกครั้ง โดยเปิดก๊อกน้ำให้น้ำไหลผ่านขนแปรงสักครู่ ใช้มือรูดขนแปรงเบา ๆ เพื่อชะล้างเศษอาหารที่ติดอยู่หลุดออก แต่ไม่ควรจุ่มแปรงสีฟันลงในแก้วน้ำ เพราะเชื้อโรคจากแปรงสีฟันจะถูกชะล้างลงในน้ำและกลับมาเกาะขนแปรงเช่นเดิม หลังจากนั้นต้องสะบัดขนแปรงให้แห้ง แล้วเก็บในที่แห้ง
2. หากแปรงสีฟันสกปรกมาก ให้บีบน้ำมะนาวลงบนขนแปรง ทิ้งไว้ 5 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง
3. ควรนำแปรงสีฟันที่ทำความสะอาดแล้วไปตากแดดสัปดาห์ละครั้ง เพื่อลดความชื้นและฆ่าเชื้อโรคได้บางส่วน
4. สำหรับผู้ป่วยที่เป็นหวัด ก่อนแปรงฟันสามารถแช่แปรงสีฟันลงในน้ำเกลือเพื่อช่วยกำจัดเชื้อโรค หรือเมื่อหายป่วยแล้วสามารถเปลี่ยนแปรงสีฟันใหม่เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อซ้ำจากขนแปรง
5. ไม่ควรให้ลูกใช้แปรงสีฟันร่วมกับคนอื่น
อ่านต่อ >> “การเก็บรักษาแปรงสีฟันให้ปลอดจากเชื้อแบคทีเรีย” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่