นายแพทย์ดนัย ได้เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูฝนนั้น ประชาชนส่วนใหญ่มักได้รับผลกระทบจากสัตว์มีพิษและแมลงที่มักจะชอบอยู่ตามบริเวณบ้าน หรือรอบ ๆ บ้านของเรา ซึ่งบางชนิดนั้นส่งผลอันตรายกับชีวิตลูกได้เลยทีเดียว ดังนั้น การรู้ให้เท่าทันเพื่อนำไปสู่การป้องกันที่ถูกต้องจึงเกิดขึ้น
6 พาหะนำโรค ที่ต้องระวังให้ดีช่วงหน้าฝน
1. งู
สัตว์มีพิษร้ายแรงที่พบมากในช่วงฤดูฝน และมักจะชอบอาศัยอยู่บริเวณที่ชื้นแฉะ รก และมีแหล่งอาหาร และหากคุณพ่อคุณแม่เคยอ่านเรื่องราวที่มีการเผยแพร่บนโลกโซเชียลก็จะพบว่า บางครอบครัวนั้นเคยออกมาแชร์เตือนภัยหลังจากที่พบงูซ่อนและหลบอยู่ในรองเท้า หรือแม้แต่ช่องแอร์ก็ตาม ซึ่งวิธีป้องกันไม่ให้งูเข้ามาในบ้านนั้นสามารถทำได้ดังนี้ค่ะ
- ทำลายแหล่งอาหารของงูอย่างเช่น หนู เป็นต้น
- ปิดช่องทางเข้าออกของหนู และงู
- ตรวจสอบระบบท่อไม่ให้มีรูรั่วหรือรอยแตก
วิธีการปฐมพยาบาลเมื่อถูกงูกัด:
- รีบดูให้แน่ใจว่างูที่กัดเป็นงูอะไร พยายามจดจำ สี รูปร่าง ลักษณะศีรษะ ถ้าเป็นไปได้ ควรนำเอาตัวงู มาให้แพทย์
ดูด้วย เพราะจะได้ทำการรักษาให้ตรงกับชนิดของงู แต่ถ้าไม่สามารถทำได้จริง ๆ ก็ไม่เป็นไรค่ะ อย่าเสียเวลา เพราะยิ่งนานพิษร้ายก็อาจเข้าสู่ร่างกายได้ - ใช้เชือกรัดเหนือบริเวณที่ถูกกัดเล็กน้อย ไม่ควรรัดแน่น เนื่องจากจะทำให้เนื้อบริเวณนั้นขาดเลือด และในบางส่วน เช่น นิ้ว ไม่ควรรัดบริเวณนิ้ว แต่ควรรัดบริเวณส่วนข้อมือ หรือข้อเท้าแทน ทั้งนี้ควรมีการคลายที่รัดไว้เดิมทุก ๆ 15 นาที
- ควรให้บริเวณที่ถูกกัด มีการขยับน้อยที่สุด
- ควรทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำเกลือล้างแผล ไม่ควรใส่ยาสมุนไพร เพราะจะทำให้แผลมีโอกาสติดเชื้อได้เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี หากคุณพ่อคุณแม่พบงูในบ้านสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่เบอร์ 199 นะคะ
2. แมลงก้นกระดก
อีกหนึ่งแมลงตัวเล็กจิ๋วที่แฝงไปด้วยพิษสง ลักษณะของเจ้าแมลงก้นกระดกนี้ จะมีลักษณะลำตัวเป็นปล้อง ๆ สีดำสลับกับสีแดงหรือสีแดงอมส้ม เมื่อสัมผัสกับตัวแมลง มันจะปล่อยของเหลวออกมาทำให้ปวดแสบปวดร้อน มีอาการคัน ผิวไหม้ ผื่นแดง และเป็นตุ่มน้ำ
วิธีป้องกันอันตรายจากแมลงก้นกระดก:
- ห้ามตีหรือขยี้ด้วยมือเปล่า ให้ใช้ผ้าหรือกระดาษเขี่ยแมลงออกไป
- ติดมุ้งลวดและกางมุงนอน
- หากใช้ยาฆ่าแมลงต้องกวาดแมลงใส่ถุงและมัดปากถุงให้สนิท เพราะแมลงไม่ว่าจะมีชิวิตหรือตายก็สามารถปล่อยพิษได้
วิธีการปฐมพยาบาล: ในกรณีที่สัมผัสแมลงและมีอาการ ให้จุ่มหรือแช่บริเวณนั้นในน้ำเย็น 5-10 นาที สลับกับการเป่าให้แห้งหากมีอาการอักเสบร้ายแรง รีบพบแพทย์ทันที
3. กิ้งกือ
กิ้งกือ หนึ่งในสัตว์ที่หลาย ๆ คนคิดว่าไร้พิษสง แต่หารู้ไม่ว่า หากโดนเข้าไปละก็ สามารถสร้างความเจ็บปวดให้กับลูกของเราได้มากเลยละค่ะ ดังจะเห็นได้จากประสบการณ์จากคุณแม่ท่านหนึ่งที่ได้แชร์เตือนภัยว่า ลูกโดนพิษจากกิ้งกือจนแผลพุพอง โดยซึ่งกิ้งกือบางชนิดนั้นสามารถปล่อยสารพิษจากลำตัว หากสัมผัสจะทำให้ผิวหนังไหม้ ปวดแสบปวดร้อนได้เลยละค่ะ
วิธีการป้องกันไม่ให้กิ้งกือเข้าบ้าน: ให้คุณพ่อคุณแม่ปรับสภาพแวดล้อมบริเวณบ้าน ด้วยการกำจัดกองใบไม้ เล็มหญ้าให้สั้น ให้แดดส่องถึงพื้น และอุดรอยร้าว เพื่อป้องกันไม่ให้กิ้งกือคลานเข้าบ้าน
วิธีรักษาพิษจากคือ
- ให้ล้างผิวด้วยน้ำมาก ๆ และทายาฆ่าเชื้อโรค
- หากสารพิษเข้าตา จะทำให้ตาอักเสบ น้ำตาไหลมาก ให้ล้างด้วยน้ำอุ่นและหยอดยาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด