ไอ คัดจมูก เป็นหวัด เจ็บคอ น้ำมูกไหล เป็นอาการป่วยที่พบบ่อยในเด็ก ส่วนใหญ่ไม่รุนแรง แต่รู้หรือไม่? ไอในเด็กอันตราย อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าลูกป่วยรุนแรงมากกว่าหวัดธรรมดา เช่น ปอดบวม ติดเชื้อในกระแสเลือด ไข้หวัดใหญ่ วัณโรค ฯลฯ ซึ่งเป็นสาเหตุการตายของเด็ก 1 ใน 5
ในแต่ละปีเด็กอายุ 0-5 ขวบทั่วโลก เสียชีวิตจากปอดบวมถึง 2 ล้านคน และในไทยถือเป็นอันดับต้นๆ เช่นกัน เมื่อคุณพ่อ คุณแม่เห็นลูกน้อยไอ เป็นหวัด ควรใส่ใจและสังเกตอาการ อย่าประมาท จะได้รีบพาไปหาคุณหมอได้ทันท่วงที และช่วยกันลดการแพร่กระจายเชื้อด้วยการใช้ช้อนกลาง แยกภาชนะ ล้างมือ ทำความสะอาดให้ถูกสุขอนามัย เมื่อเป็นหวัด หรือไอ ให้ปิดปากปิดจมูก
- ไอมีเสมหะ
ไม่ว่าจะมีเสมหะสีเหลือง หรือสีเขียว แสดงให้เห็นว่าเกิดจากการติดเชื้อไวรัส เชื้อหวัด ภูมิแพ้ น้ำมูกลงคอ ถ้าเป็นแบบใส ไม่มีสี เกิดจากไวรัส หรือภูมิแพ้ ถ้าเป็นเขียว หรือเหลืองแสดงว่าติดเชื้อแบคทีเรีย
- ไอแบบแห้ง
เป็นสาเหตุมาจากการแพ้อากาศ ระคายคอและหลอดลม อาจมีเศษอาหารเล็กๆ ฝุ่นควัน กลิ่นฉุน บุหรี่ อากาศเย็น โรคหืด โรคหัวใจล้มเหลว มีความเสี่ยงเป็นมะเร็ง
ไอแบบไหนบอกสัญญาณอันตราย?
การไอมีจากหลายสาเหตุ เช่น ไข้หวัด คออักเสบ ไซนัสอักเสบ เป็นสัญญาณบอกถึงการก่อตัวโรคร้าย โดยเฉพาะเด็กที่มีการไอเรื้อรัง อาจมีโอกาสเป็นโรคร้ายรุนแรงมาก สาเหตุที่เราไอเป็นกลไกที่ปกป้องเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมระคาย หรือมีเสมหะที่ลำคอ ร่างกายจะพยายามกำจัดทิ้ง ทำให้กระตุ้นให้เกิดการไอ เพื่อขับออกมา
การไอโดยทั่วไปจะไม่รุนแรง ค่อยๆ ดีขึ้นและหายเอง แต่ถ้าไอเรื้อรัง มีเลือดปน ต้องระวังโรคร้าย และรีบไปหาคุณหมอ การไอเรื้องรังจะไอติดต่อกัน 3 สัปดาห์ ถ้ามีอาการอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น น้ำหนักลด เบื่ออาหาร ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่าไม่ใช่โรคทั่วๆ ไป อาจเป็นวัณโรค หรือมะเร็งปอด อาจเป็นเพราะภูมิคุ้มกันในร่างกายของเด็กยังทำงานได้ไม่เต็มที่ ถ้ารักษาช้าอาจเกิดโรคแทรกซ้อน ทำให้การหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้
เพราะฉะนั้น เรื่องไอไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อย่าประมาท สังเกตอาการ ถ้ารู้สึกผิดปกติให้รีบพาไปหาคุณหมอทันที