เทียบ โรคซึมเศร้า-ไบโพลาร์ ผู้ใกล้ชิดต้องทำตัวอย่างไร
ปัจจุบันผู้ป่วย โรคซึมเศร้า-ไบโพลาร์ มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประชาชนทั่วไป หรือแม้กระทั่งดาราศิลปินที่มีหน้าที่การงานที่ดี หากผู้ป่วยไม่สามารถจัดการความรู้สึกหรือแก้ปัญหาได้ จนทำให้เกิดการสะสมความเครียดอาจนำไปสู่การฆ่าตัวตายได้ อาการของทั้ง 2 โรคเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ผู้ใกล้ชิดควรทำตัวอย่างไร เรามีคำตอบมาให้ค่ะ
โรคซึมเศร้าเกิดจากอะไร
“โรคซึมเศร้า” คือโรคที่เกิดจากความผิดปกติของสมอง ในส่วนที่มีผลกระทบต่อความคิด อารมณ์ ความรู้สึก พฤติกรรม รวมถึงสุขภาพทางกาย
คนส่วนใหญ่จะคิดว่าโรคซึมเศร้าเป็นเพียงอาการหรือสภาพจิตใจที่เปลี่ยนไป คิดว่าโรคซึมเศร้าเกิดจากความผิดหวัง หรือการได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ ซึ่งหากผู้ป่วยไม่สามารถจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ได้ จะกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล จนพัฒนาไปสู่ภาวะซึมเศร้าและคิดทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตายได้
สถิติคนไทยที่ฆ่าตัวตาย
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยสถิติคนไทยที่ฆ่าตัวตาย ตัวเลขย้อนหลังล่าสุดเมื่อปี 2563 เฉลี่ย 7 รายต่อประชากร 100,000 ราย และปี 2564 ที่ผ่านมาได้มีการประมาณการสูงขึ้นใกล้ ๆ กับ 8 รายต่อประชากร 100,000 ราย
โรคซึมเศร้ามีอาการอย่างไร
สำหรับอาการของโรคซึมเศร้า ได้แก่ เศร้า หดหู่ ซึม เบื่อหน่าย หงุดหงิด ฉุนเฉียว อ่อนไหวง่าย ขัดแย้งกับคนอื่นง่าย รู้สึกสิ้นหวัง ดูถูกตนเอง อาจมีอาการวิตกกังวล เครียด นั่งไม่ติด สมาธิลดลง
ผู้ป่วยจะมีความรู้สึกว่าไม่อยากทำอะไร ไม่อยากกินอาหาร นอนไม่หลับ เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย หมดแรง ขาดความมั่นใจในตัวเอง การตัดสินใจแย่ลง รู้สึกหมดหวัง และมีความคิดอยากตาย หรืออยากฆ่าตัวตาย
การเปลี่ยนแปลงในผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้า
ทำอย่างไรเมื่อต้องอยู่กับผู้ป่วย โรคซึมเศร้า-ไบโพลาร์
แม้โรคซึมเศร้าจะสามารถป้องกันได้ แต่หากเกิดขึ้นแล้วผู้ที่อยู่ใกล้ชิดควรจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรนั้น ผศ.นพ.คมสันต์ เกียรติรุ่งฤทธิ์ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลไว้ดังนี้
- เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดไม่ได้แกล้งทำ และผู้ป่วยไม่ต้องการจะเป็น แต่ไม่สามารถห้ามหรือหยุดตัวเองได้
- คอยให้กำลังใจ รับฟัง แสดงออกถึงความรักความเป็นห่วง ทั้งการพูดบอก โอบกอด ลูบหัว จับมือ
- แสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่จะช่วยเหลือเสมอ ช่วยค้นหาปัญหา-ความเครียดของผู้ป่วย
- ชวนทำกิจกรรมผ่อนคลายต่าง ๆ ส่งเสริมให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามปกติ และมีงานอดิเรกหลากหลาย
- พยายามให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พอเพียง และนอนหลับพักผ่อนอย่างพอเพียง
- หากทำทุกอย่างไม่ดีขึ้น หรือมีผลกระทบเกิดขึ้น ให้พาไปปรึกษาจิตแพทย์
โรคไบโพลาร์เกิดจากอะไร
มาดูอีกหนึ่งโรคอย่าง “ไบโพลาร์” ที่เกิดขึ้นได้จากสาเหตุใกล้เคียงกับโรคซึมเศร้า โดยกรมสุขภาพจิต ระบุว่า โรคไบโพลาร์เป็นความผิดปกติทางอารมณ์ชนิดหนึ่งที่มีการขึ้นและลงของอารมณ์อย่างรุนแรง
สาเหตุสำคัญเกิดจากสารเคมีในสมองทำงานผิดปกติ หรืออาจเกิดในผู้ที่มีความเครียดสะสม หรืออดนอนบ่อย ๆ ร่วมด้วย มีการแสดงออกทางอาการแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มอาการแมเนีย (Mania) คือ อารมณ์ดี คึกคัก สนุกสนาน และกลุ่มอาการซึมเศร้า (Depress) จึงเรียกโรคนี้ว่า โรคอารมณ์สองขั้ว (ขั้วบวก = แมเนีย และ ขั้วลบ = ซึมเศร้า)
โรคไบโพลาร์มีอาการอย่างไร
กลุ่มอาการแมเนีย เป็นช่วงเวลาที่อารมณดี ครึกครื้น แสดงออกอย่างเต็มที่ พูดมาก พูดเร็ว พูดไม่ยอมหยุด ความคิด พรั่งพรู มีโครงการมากมายเป็นร้อยเป็นพันล้าน รู้สึกว่าตนเองเก่ง มีความสามารถมาก มีความสำคัญมาก ความมั่นใจในตนเองสูง เรี่ยวแรงเพิ่ม นอนน้อยกว่าปกติ บางรายนอนเพียงวันละ 1 – 2 ชั่วโมงเท่านั้น โดยไม่มีอาการอ่อนเพลีย สมาธิไม่ดี วอกแวก สนใจไปทุกสิ่งทุกอย่าง หุนหันพลันแล่น การตัดสินใจไม่เหมาะสม เช่น ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือย ซื้อของแพง มากมายเกินจำเป็น ซื้อทีละเยอะๆ แจกคน เล่นการพนัน ก่อหนี้สินมากมาย ทำเรื่องเสี่ยงอันตราย ผิดกฎหมาย ชอบเที่ยวกลางคืน ความต้องการทางเพศสูง มีพฤติกรรมทางเพศไม่เหมาะสม บางคนหงุดหงิดก้าวร้าวได้ง่ายเมื่อถูกขัดใจ คนที่มีอาการแมเนียจะไม่รู้สึกว่าตัวเองผิดปกติ คิดว่าช่วงนี้ตนเองอารมณ์ดี สบายใจ รู้สึกขยัน อยากทำงาน มักปฏิเสธการรักษา ซึ่งอาการเกิดขึ้นตลอดเวลาเกือบทั้งวัน ติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
กลุ่มอาการซึมเศร้า ในโรคไบโพลาร์เกิดขึ้นบ่อยกว่ากลุ่มอาการแมเนียเกือบ 3 เท่า โดยมีลักษณะเดียวกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า คือ อาการเบื่อหน่าย ท้อแท้ มองทุกอย่างในแง่ลบ ความสนใจหรือเพลิดเพลินใจในสิ่งต่างๆ ลดลงอย่างมาก เบื่ออาหาร น้ำหนักลด อ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง ไม่มีกำลังใจ ความจำไม่ดี สมาธิลดลง นอนไม่หลับหรือนอนมากกว่าปกติ รู้สึกผิด รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี เป็นภาระ รู้สึกไร้ค่า บางรายคิดอยากตาย ซึ่งมีไม่น้อยที่นำไปสู่การฆ่าตัวตาย
ทั้งนี้ อารมณ์ซึมเศร้าที่เกิดขึ้นในโรคไบโพลาร์มีความรุนแรงกว่าในโรคซึมเศร้า ทั้งการสูญเสียความสามารถในการทำงาน สังคม และครอบครัว
ทำอย่างไรเมื่อต้องอยู่กับผู้ป่วยโรคไบโพลาร์
ผู้ใกล้ชิด หรือญาติพี่น้องจะต้องทำความเข้าใจอาการของผู้ป่วยโรคไบโพลาร์ และต้องปฏิบัติตามวิธีการรับมือ ดังนี้
- ทำความเข้าใจตัวโรค ยอมรับ รับฟัง และให้กำลังใจผู้ป่วย
- ดูแลให้ผู้ป่วยทานยาตามแพทย์สั่ง ไม่ให้ผู้ป่วยหยุดยาเองก่อนปรึกษาแพทย์
- คอยดูแลพฤติกรรมไม่ให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมเสี่ยงอันตราย
- คอยดูแลพฤติกรรมการใช้เงินของผู้ป่วย
- สังเกตพฤติกรรมของผู้ป่วย หากมีอาการรุนแรงขึ้นให้รีบพาไปพบแพทย์
แม้ทั้ง 2 โรคจะมีอาการทางอารมณ์ความรู้สึกจนถึงจุดที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่สามารถหายเป็นปกติได้หากทำความเข้าใจโรค และเข้ารับการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์
ขอบคุณข้อมูลจาก
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ,โรงพยาบาลมนารมย์, ประชาชาติธุรกิจ
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
พ่อเป็นซึมเศร้าหลังคลอดได้ ความเครียด กังวล ของคุณพ่อมือใหม่