ปัจจุบันโรคภูมิแพ้กลายเป็นอีกโรคหนึ่งที่เด็กๆ เป็นกันมากขึ้น และ เมื่อลูกเป็นภูมิแพ้ แล้วคุณพ่อคุณแม่ ควรรีบพามาหาหมอ เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง เนื่องจากโรคภูมิแพ้โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ หากได้รับการรักษาเนิ่นๆ ตั้งแต่ยังเป็นไม่มาก มีโอกาสหายขาดมาก แต่หากรอและมารับการรักษาช้าเกินไป โอกาสที่จะหายก็น้อยลง และอาจทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาได้
เมื่อลูกเป็นภูมิแพ้
โรคภูมิแพ้ คือ เป็นโรคที่ภูมิในร่างกายมีปฏิกิริยากับสารก่อภูมิแพ้หรือสิ่งแวดล้อมบางอย่างไวกว่าคนปกติ หรือการต่อสู้กันมากเกินไประหว่างภูมิต้านทานที่ร่างกายสร้างขึ้นกับสิ่งกระตุ้นต่างๆ ที่ทำให้แพ้ (สิ่งกระตุ้นที่ทำให้แพ้นี่มีชื่อเรียกรวมๆ ว่า สารก่อภูมิแพ้) แต่ละคนจะไวต่อสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ กันไป
สาเหตุของโรคภูมิแพ้ในเด็กเกิดจาก
1. การถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น ถ้าพ่อแม่เป็นโรคภูมิแพ้ ลูกก็จะมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ได้มากกว่าคนอื่นหลายเท่า
2. สิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่น ไรฝุ่น สัตว์เลี้ยง แมลงสาบ ควันบุหรี่ รวมถึงอาหารบางอย่างก็สามารถก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย เช่น อาหารทะเล นมวัว ไข่ แป้งสาลี ถั่วลิสง หมายความว่า แม้จะไม่มีพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคภูมิแพ้ แต่เด็กก็สามารถมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ได้ถ้าอยู่ในสิ่งแวดล้อมดังกล่าวเป็นเวลานานหรือตั้งแต่เกิด เช่น คุณพ่อสูบบุหรี่ เป็นต้น
“ภูมิแพ้ในเด็ก” มีได้หลากหลาย
ดังนั้นถึงเด็กคนหนึ่งจะไวหรือแพ้สารก่อภูมิแพ้อย่างเดียวกับเด็กคนอื่น แต่การแสดงอาการอาจต่างอวัยวะกันได้ เพราะขึ้นกับความไวของอวัยวะของแต่ละคนอีกด้วย ด้วยเหตุนี้อาการและการเรียกโรคภูมิแพ้จึงมีหลากหลาย ได้แก่
- เป็นหวัดเรื้อรัง แพ้อากาศ เรียกว่า ภูมิแพ้จมูก
- เป็นหอบหืด เรียกว่าภูมิแพ้หลอดลม
- อาการภูมิแพ้ทั้งทางจมูกและหลอดลม เรียกว่า ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ
- อาการแพ้หรือไวต่อสิ่งกระตุ้นแสดงทางผิวหนัง เช่น ขึ้นผื่นเม็ดทราย ผื่นลมพิษ บวมแดง คัน เรียกว่า ภูมิแพ้ผิวหนัง
- อาการแพ้หรือไวต่อสิ่งกระตุ้นแสดงทางตา เช่น คันตา ตาแดง น้ำตาไหล เรียกว่า ภูมิแพ้ตา
- ภูมิแพ้จากการอาหาร หรือแพ้ยา มีอาการแสดงออกได้ 3 ระบบใหญ่ๆ ได้แก่ระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหารและอาการทางผิวหนัง
- อาการแพ้รุนแรง เรียกว่า ช็อกจากการแพ้ มักเกิดจากอาหาร ยา แมลงสัตว์กัดต่อย อาการเกินภายใน 2-3 นาที เช่น อาเจียนเป็นเลือด ตัวเขียว ปากบวม หน้าบวม ถ่ายมาก ลมพิษขึ้นทั้งตัว
สารก่อภูมิแพ้มีมากมาย
สารก่อภูมิแพ้ ไม่ใช่สารพิเศษหรือแปลกใหม่อะไร เป็นสิ่งที่พบอยู่รอบตัวเราที่เรารู้จักกันดี แบ่งเป็นกลุ่มๆ ได้ดังนี้
- สารก่อแพ้ในอากาศ ได้แก่ ตัวไรในฝุ่น ซากแมลงสาบ รังแคจากสัตว์เลี้ยง เช่น แมว สุนัข นก ละอองเกสรดอกไม้ นุ่นจากหมอน
- สารก่อแพ้ในของกิน ได้แก่ อาหารและยา
- สารก่อแพ้ทางผิวหนัง ได้แก่ ของที่ใช้กับผิวหนัง เช่น สบู่ แชมพู ครีม/โลชั่น ยาสีฟัน ยาทาแผล
- สารระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่ น้ำหอม แป้ง สเปรย์ ยากันยุง น้ำยาดับกลิ่น ผงซักฟอก ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆ
แล้วจะมีวิธีรักษาหรือดูแลลูกน้อยได้อย่างไร Amarin Baby & Kids มีความรู้และคำแนะนำดีๆจากคุณหมอมาฝากค่ะ
อ่านต่อ >> “วิธีป้องกันภูมิแพ้ เมื่อลูกติดตุ๊กตาตัวโปรด” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่