ช่วงหน้าฝน อีกโรคที่อันตรายไม่แพ้กันคือโรค hMPV ซึ่ง โรค hMPV คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Human metapneumovirus ทำให้มีอาการ ไข้ ไอ น้ำมูก คล้ายไข้หวัดใหญ่
โรค hMPV คือ อะไร? ลงปอดเร็ว ป่วยนานไม่แพ้ RSV
ในช่วงหน้าฝนนี้ นอกจากแม่ ๆ จะต้องระวังโรคฮิตหน้าฝน เช่น โรคไข้เลือดออก โรคไข้หวัดใหญ่ โรค RSV แล้ว อีก 1 โรคที่พบได้บ่อย และมีความรุนแรงของโรคไม่แพ้โรคอื่น ๆ เลย ก็คือ โรค hMPV โรคนี้มีอาการคล้าย RSV คือ เมื่อเด็กติดเชื้อไวรัสชนิดนี้แล้ว จะมีอาการหลอดลมฝอยอักเสบเฉียบพลัน หรือปอดบวมได้ ดังนั้น ทีมแม่ ABK ขอนำบทความจาก สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ที่ได้อธิบายถึงโรค hMPV นี้ไว้ ดังนี้
โรค hMPV คือ อะไร?
โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสฮิวแมนเมตานิวโมไวรัส (Human Metapneuvovirus หรือ hMPV) เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยทางระบบทางเดินหายใจในเด็ก พบได้บ่อยในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กอายุ 1 – 5 ปี ที่มักพบว่ามีอาการคล้ายเป็นโรคหวัด มีไข้ ไอจาม มีน้ำมูก หากเด็กเล็กวัยทารก หรือคนที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอเป็นโรคนี้ ก็สามารถทำให้มีอาการรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบได้
โรค hMPV ติดต่อกันได้อย่างไร?
เชื้อไวรัส hMPV นี้สามารถอยู่ในสภาพแวดล้อมทั่วไปได้ 2-3 ชั่วโมง มีระยะฟักตัวของโรคประมาณ 3-5 วัน และเมื่อผู้ป่วยติดเชื้อแล้ว ผู้ป่วยยังสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้นาน 1-2 สัปดาห์ ลักษณะการแพร่เชื้อ จะเป็นการแพร่เชื้อผ่านทาง น้ำมูก น้ำลาย ไอ จาม เป็นต้น
อาการของโรค hMPV
เชื้อไวรัสชนิดนี้ จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการทางระบบทางเดินหายใจส่วนบน ได้แก่ มีไข้ ไอ น้ำมูกไหล หลังจากนั้นน จะมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ได้แก่ อาเจียน ไข้ ชัก ผื่น ท้องเสีย ต่อมน้ำเหลืองโต และที่สำคัญไวรัสชนิดนี้ทำให้มีอาการหอบหืดคล้าย RSV อีกด้วย
ความรุนแรงของโรค hMPV
สำหรับเด็กเล็ก และ เด็กทารกที่อายุต่ำกว่า 1 ปี ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด, โรคระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง, โรคมะเร็ง ฯลฯ ที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ ที่ตำแหน่งของหลอดลมฝอยในปอด มักเกิดการอักเสบ ทำให้เสี่ยงหอบหืดกำเริบ หายใจลำบาก และนำมาซึ่งการติดเชื้อแทรกซ้อนจำพวกแบคทีเรียได้ง่าย และเชื้อยังสามารถอยู่ในปอดได้นานหลายสัปดาห์ ***มีการศึกษาวิจัย พบว่าเด็กทารกที่มีหลอดลมฝอยอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ จะเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคหืด เมื่ออายุ 3-5 ปี คล้ายกับการติดเชื้อ RSV อีกด้วย ***
และด้วยอาการของโรคในระบบทางเดินหายใจจากฮิวแมนเมตานิวโมไวรัส (hMPV) นั้น มีความคล้ายคลึงกับโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่ ก็ทำให้ผู้ปกครองหลายคนเข้าใจว่าลูกหลานเป็นโรคหวัดจากไวรัสธรรมดา จึงอาจละเลยการพามาตรวจกับแพทย์ในช่วงแรก ๆ จนอาจทำให้ได้รับการรักษาที่ถูกวิธีสายเกินไปจนทำให้เด็กมีอาการรุนแรงและป่วยนานขึ้น
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ พบว่าการติดเชื้อ Human Metapneumovirus (hMPV) นี้มักพบร่วมกับการติดเชื้อทางเดินหายใจมากกว่าหนึ่งชนิดในการเจ็บป่วยครั้งนั้น ๆ หมายถึงเด็กที่ป่วยเป็นโรคติดเชื้อ hMPV สามารถติดเชื้อไวรัสชนิดอื่น ๆ ร่วมด้วยอีก ทำให้อาการของเด็กที่ป่วยมีความรุนแรงขึ้นและใช้เวลานานขึ้นกว่าจะหายเป็นปกติ
การรักษาอาการจากโรคติดเชื้อ hMPV
เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มียาเฉพาะที่มีฤทธิ์ต้านไวรัสชนิดนี้ และเชื้อไวรัสชนิดนี้สามารถหายได้เองจากการสร้างภูมิคุ้มกันจากร่างกายของตัวเอง ดังนั้น การรักษาจึงใช้วิธีการรักษาตามอาการ เหมือนกับไข้หวัด เช่น การล้างจมูก การทานยาแก้ไข้ การพ่นยา โดยอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 5-7 วัน แต่ในเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุ ที่มีภูมิต้านทานไม่ดีนัก อาจมีอาการไอมาก หอบเหนื่อย ทานได้น้อย อาจต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ จึงควรเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เพื่อการพ่นยา เคาะปอด ดูดเสมหะ ให้ออกซิเจนช่วย และบางรายอาจจำเป็นก็อาจต้องเข้ารักษาในหอดูแลผู้ป่วยวิกฤต (ไอซียู) จนกว่าอาการต่าง ๆ นี้จะทุเลาลง
การป้องกันโรค hMPV
ในปัจจุบัน ทางการแพทย์ยังไม่มีวัคซีนในการฉีดป้องกันเชื้อฮิวแมนเมตานิวโมไวรัส (hMPV) และก็ยังไม่มียาต้านไวรัสที่ใช้รักษาเชื้อนี้โดยตรง การป้องกันโรค จึงใช้หลักการเดียวกับการป้องกันโรคติดเชื้อทางเดินหายใจชนิดอื่น ๆ คือ ล้างมือให้สะอาด ไม่เอามือไปแคะจมูกหรือเอามือเข้าปาก ไม่คลุกคลีกับคนที่ป่วย ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อไปในที่ชุมชนคนเยอะ ๆ เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อทางเดินหายใจ
เนื่องจากเชื้อไวรัสชนิดนี้ มีอาการที่คล้ายกับโรคหวัดทั่วไปในช่วงแรก ทำให้คุณพ่อคุณแม่อาจชะล่าใจจนทำให้มีอาการหนักได้ ดังนั้น เมื่อลูกมีไข้ ไอ และมีน้ำมูก ควรคอยสังเกตอาการลูกอย่างใกล้ชิด หากลูกมีอาการหายใจลำบาก ไอหนัก ไอมีเสียงวิ๊ด ก็ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยและให้ยาเพื่อบรรเทาอาการได้อย่างทันท่วงที
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
ขอบคุณข้อมูลจาก : คลินิกเด็กหมอปัณฑิตา, www.clinicdek.com, health-dd.com
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่