รอไฟเขียว !! ซิโนแวคเด็ก วัคซีนสำหรับเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไป มาใช้ทันที หาก อย.พิจารณาอนุมัติขึ้นทะเบียน เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มในการป้องกันโรคโควิด – 19 ให้กับเด็ก ๆ ค่ะ
ซิโนแวคเด็ก รอ อย. ไฟเขียว ฉีดทันที
ภาคหลังจากที่วัคซีนไฟเซอร์เด็ก ฝาสีส้ม ได้เข้ามาถึงเมืองไทย และเริ่มฉีดให้กับเด็กอายุ 5 – 11 ปี แล้วนั้น ล่าสุดมีข่าวดีสำหรับเด็ก ๆ และคุณแม่ ๆ ว่า วัคซีนซิโนแวค ได้มายื่นขอจดทะเบียนเพื่อใช้ ซิโนแวคเด็ก สำหรับเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไปเช่นกัน
ซิโนแวคเด็ก ครอบคลุมยิ่งขึ้น ช่วยลดความเสี่ยง
สำหรับเรื่องนี้นั้น ได้มีการเห็นชอบในหลักการให้ฉีดวัคซีนซิโนแวค ในเด็กอายุ 3-17 ปี โดยขณะนี้ทางซิโนแวค ได้มีการส่งข้อมูลความปลอดภัยและประสิทธิผลให้ทางกระทรวงสาธารณสุขพิจารณา ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าข้อมูลค่อนข้างครบถ้วน และอนุญาตให้ฉีดซิโนแวคในเด็ก 3-17 ปีได้
รอ อย. อนุมัติ ฉีดได้เลย
แม้กระทรวงสาธารณสุขจะเห็นชอบแล้ว แต่ยังต้องรอการอนุมัติการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อน เมื่อได้อนุมัติแล้ว ก็สามารถฉีดวัคซียซิโนแวคให้เด็กได้เลย เนื่องจากหากฉีดวัคซีนครอบคลุมกลุ่มอายุมากขึ้น ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของการติดโรคและลดความเสี่ยงที่อาจมีอาการรุนแรงได้
ได้วัคซีนบริจาคจากจีน
วัคซีนซิโนแวคที่จะฉีดให้กับเด็กนั้น เป็นวัคซีนที่รัฐบาลจีนบริจาคมาในครั้งก่อน 2 ล้านโดส และวัคซีนซิโนแวคที่มีอยู่แล้ว รวมทั้งหมด 4-6 ล้านโดส โดยวัคซีนซิโนแวคที่มีจำนวนนี้อยู่ยังไม่หมดอายุ และไม่จำเป็นต้องสั่งซื้อเพิ่ม เพราะจำนวนเพียงพอต่อเด็ก
จีนเผยฉีดซิโนแวคในเด็กได้ผลดี
บริษัทซิโนแวคเปิดเผยว่า หลังจากได้เริ่มฉีดวัคซีน “ซิโนแวค” ในกลุ่มประชากรที่มีอายุระหว่าง 3-17 ปี เมื่อเดือนมิถุนายน 2564 พบว่าอัตราการผลิตแอนติบอดีในเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป แต่ไม่ถึง 18 ปี อยู่ที่ร้อยละ 98.9 – 100 ขึ้นอยู่กับปริมาณของการฉีดวัคซีน โดยการฉีดวัคซีนให้เด็กมีประสิทธิภาพมากกว่าการฉีดในคนที่มีอายุมากกว่า 18 ปี
สูตรในการฉีดวัคซีนให้เด็กในไทย
ในเบื้องต้นมีคำแนะนำจากคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันวัคซีนฯ ว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโควิดในเด็ก แนะนำให้เป็นสูตร 1.ไฟเซอร์กับไฟเซอร์ 2.ซิโนแวคกับซิโนแวค และ 3.ซิโนแวคกับไฟเซอร์ โดยแพทย์เป็นผู้พิจารณาร่วมกับผู้ปกครอง
โรงพยาบาลเด็กฉีดไฟเซอร์เข็มแรกแล้ว
สถาบันเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) ได้จัดให้มีการจัดฉีดวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ในกลุ่มแรกแล้ว นั่นคือเด็กที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ได้แก่ 1.โรคอ้วน ที่มีภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น 2.โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง รวมทั้งหอบหืดที่มีอาการปานกลางหรือรุนแรง 3.โรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง 4.โรคไตวายเรื้อรัง 5.โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ 6.โรคเบาหวาน และ 7.กลุ่มโรคพันธุกรรม รวมทั้งกลุ่มอาการดาวน์เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทอย่างรุนแรง และเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้า โดยวันแรกมีเด็กมารับวัคซีน ประมาณ 100 คนค่ะ
แผนการฉีดวัคซีนในเด็กทั่วไป
การกระจายวัคซีนในเด็กทั่วไปจะเริ่มขึ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยแบ่งเป็น
- วัคซีนแอสตราเซเนกา 7 ล้านโดส
- วัคซีนไฟเซอร์ ฝาสีม่วง สำหรับอายุ 12 ปีขึ้นไป จำนวน 2.6 ล้านโดส
- วัคซีนไฟเซอร์ ฝาสีส้ม สำหรับเด็ก อายุ 5-11 ปี จำนวน 1.2 ล้านโดส โดยเด็กปกติทั่วไปจะใช้โรงเรียนเป็นสถานที่ฉีดวัคซีน
- วัคซีนสำรองสำหรับตอบโต้การระบาดด้วยวัคซีนแอสตราเซเนกา 1 ล้านโดส
หากวัคซีนซิโนแวคสำหรับเด็ก ได้รับการอนุมัติจากทาง อย. ก็นับว่าคุณแม่จะมีทางเลือกที่มากขึ้นในการฉีดวัคซีนให้แก่ลูก แม้อาจมีผลข้างเคียงจากวัคซีนบ้าง เช่น เป็นไข้ ตัวรุมๆ ปวดบวมบริเวณที่ฉีด แต่หายได้ใน 1-2 วัน ซึ่งดีกว่าไม่ฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อ เพราะบางรายอาจมีโอกาสเกิดอาการรุนแรงและเชื้อลงปอดได้ การฉีดวัคซีนจึงคุ้มค่าที่สุดนะคะคุณแม่
ขอบคุณข้อมูลจาก
เดลินิวส์ ออนไลน์, ThaiPBS , ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
หมอเตือน!! พ่อแม่เช็กก่อน..นี่คือ 6 อาการต้องเลื่อนฉีดวัคซีนโควิด-19