โรคคางทูม เป็นโรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ ซึ่งหากติดเชื้อแล้วอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ซึ่งในปีนี้ กรมอนามัยได้เปิดเผยสถานการณ์การระบาดของโรคคางทูม พบว่า พบผู้ป่วยโรคนี้ 1,466 คนแล้ว
กรมควบคุมโรคเตือน! “โรคคางทูม ระบาด” ป่วย 1,466 คนแล้ว
กรมควบคุมโรค เตือนระวังโรคคางทูมระบาด แนะผู้ปกครองพาบุตรหลานรับวัคซีนให้ครบช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้ดีที่สุด
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังสถานการณ์โรคคางทูมในประเทศไทย ปี 2562 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 27 กรกฎาคม 2562 พบผู้ป่วยโรคคางทูม 1,466 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต โดยกลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากสุด คือ กลุ่มอายุ 15-24 ปี พบมากในกลุ่มนักเรียน ร้อยละ 39.6 จังหวัดที่พบผู้ป่วยสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ภูเก็ต และแม่ฮ่องสอน
ทั้งนี้สัปดาห์ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบข่าวการระบาดจากฐานข้อมูลเฝ้าระวังเหตุการณ์ พบรายงานการระบาดของโรคคางทูมเป็นกลุ่มก้อน จำนวน 2 เหตุการณ์ คือ ในค่ายทหารและในโรงเรียน จึงคาดว่าสัปดาห์หน้าอาจพบผู้ป่วยโรคคางทูมเป็นกลุ่มก้อนได้ โดยเฉพาะในสถานที่มีคนอยู่อาศัยรวมกันหนาแน่น และพื้นที่ที่มีความครอบคลุมของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่ต่ำ เนื่องจากโรคคางทูม เกิดจากเชื้อไวรัส ติดต่อทางเดินหายใจและการสัมผัสน้ำลายของผู้ป่วย อาการของโรคเริ่มจากมีไข้ต่ำ ๆ ปวดเมื่อยตามตัว มีอาการเจ็บบริเวณหน้า หู และขากรรไกร มีต่อมน้ำลายข้างกกหูโตขึ้น ควรมีการแยกผู้ป่วยประมาณ 10 วันหลังจากเริ่มมีต่อมน้ำลายโต และควรหยุดไปโรงเรียน หรือหยุดงานเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น
อย่างไรก็ตาม วิธีป้องกันโรคคางทูมที่มีประสิทธิภาพที่สุด คือการฉีดวัคซีนป้องกัน ปัจจุบันเป็นรูปแบบวัคซีนรวมป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน (MMR) ในเด็กเล็กควรรับวัคซีนป้องกันโรค 2 ครั้ง ครั้งแรกช่วงอายุ 9-12 เดือน และฉีดซ้ำอีกครั้ง ช่วงอายุ 2 ปี 6 เดือน ซึ่งพ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรพาบุตรหลานไปรับวัคซีนป้องกันโรคให้ครบตามช่วงอายุที่กำหนด (อ่านต่อ ตารางวัคซีน 2562 แม่เช็กเลย! ลูกอายุเท่าไหร่..ต้องฉีดตัวไหนบ้าง?)
ขอบคุณข่าวจาก : สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
แม้ว่าการระบาดในปีนี้จะเกิดกับผู้ป่วยอายุ 15-24 ปี แต่จะเห็นได้ว่าวิธีป้องกัน โรคคางทูม ที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือการฉีดวัคซีน ซึ่งจะต้องฉีดตั้งแต่อายุ 9 เดือน – 2 ปี 6 เดือน เพื่อเป็นการป้องกันในระยะยาว โดยกระทรวงสาธารณสุขจัดระบบบริการเพื่อให้เด็กทุกคนในประเทศได้รับวัคซีนตามกำหนด ได้จัดให้สถานบริการ สาธารณสุขของรัฐเป็นหน่วยบริการจัดการฉีดวัคซีนพื้นฐานได้ฟรี โดยรวมวัคซีนโรคคางทูมนี้ด้วย ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ที่มีบุตรหลานที่อยู่ในวัยดังกล่าว ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรค ซึ่งก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน มาทำความรู้จักกับโรคคางทูม สาเหตุ อาการ และวิธีการป้องกันได้ที่หน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่