แม่แชร์อุทาหรณ์ ลูกสาววัย 11 เดือน ติดเชื้อ ซาลโมเนลลา มีไข้สูง ถ่ายเหลว จนต้องแอดมิท เตือนอย่าทานอาหารที่ไม่สุกและน้ำที่ไม่ได้ต้มสุก
ลูกติดเชื้อ “ซาลโมเนลลา” เตือนอย่าเอามือเข้าปาก กินอาหารไม่สุก
เด็กที่อยู่ในวัยหยิบจับสิ่งของเข้าปาก เอามือเข้าปาก มักจะเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อต่าง ๆ ได้ รวมถึงเชื้ออุจจาระร่วง ซาลโมมเนลลา เช่นกัน เชื้อนี้เป็นเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการท้องร่วงและมีไข้ แต่เมื่อเกิดกับเด็กเล็กที่มีภูมิคุ้มกันน้อยแล้วล่ะก็ อาการต่าง ๆ ก็จะรุนแรงขึ้น ดังเช่นอุทาหรณ์จากคุณแม่จากเพจแม่มาเม้าท์ ที่ได้เล่าเรื่องราวการติดเชื้อ ซาลโมเนลลา ที่เกิดกับลูกสาววัย 11 เดือน ดังนี้
Hi Salmonella
บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับลูกสาวแม่ กับโรคอุจจาระร่วงจากเชื้อซานโมเนลลา หรือจะอ่านว่าซัลโมเนลลาก็ได้ โดยเชื้อโรคนี้จะเกิดกับเด็กเล็กตั้งแต่ 0-15 ปี ใช่ค่ะน้องเจอแปนโดนแจ็คพอตนี้เข้าไปเต็มๆ น้องถูกเลือกให้ติดเชื้อนี้ตั้งแต่อายุ 11 เดือน ไม่สิ แม่หยิบยื่นเชื้อไวรัสนี้ให้น้องเอง เดี๋ยวแม่จะบอกนะว่าน้องนี้ได้รับเชื้อไวรัสนี้ได้อย่างไร เพราะตั้งแต่เกิดมาน้องแข็งแรง ไม่เคยเจ็บป่วย และนี่เป็นครั้งแรกหนักหนาเหลือเกิน จนต้องแอดมิทที่โรงพยาบาลถึง 4 วัน 3 คืนอาการเริ่มต้น (วันศุกร์)
เริ่มตัวร้อนมีไข้ ไข้จะขึ้นๆ ลงๆ แต่ยังเล่นได้ กินได้ปกติ แค่ซึมๆ นิดหน่อย และติดแม่มาก ไม่ค่อยเอาใคร วันแรกที่มีไข้ เมื่อแม่พาน้องไปหาหมอ หมอวัดไข้ได้ 39.6 องศา ตัวร้อนมาก น้องซึมๆ พยาบาลพาไปเช็ดตัว เช็ดๆ ถูๆ แรงมาก มันเป็นวิธีที่จะทำให้ไข้ลด ขยี้หัว ขยี้หลัง ทั้งตัว จนไข้ลดเหลือ 37 องศากว่า หลังจากนั้นเข้าพบหมอเพื่อประเมิณอาการเบื้องต้น หมอให้ยาลดไข้ และให้เช็ดตัวบ่อยๆ และกลับมาดูอาการที่บ้านอาการคืนแรก (คืนวันศุกร์-เช้าวันเสาร์)
มีไข้ขึ้นๆ ลงๆ แต่เมื่อประมาณตีสาม ไข้ขึ้นสูงมาก แม่เช็ดตัวให้แทบจะทุกชั่วโมงเลย อาการเริ่มออก น้องท้องเสียถ่ายประมาณ 3 รอบ อุจจาระมีกากอาหารมีน้ำเยอะมาก 2 รอบแรกเต็มแผ่นผ้าอ้อมสำเร็จรูป ส่วนรอบ 3 เริ่มมีน้ำจนน่ากังวล จึงตัดสินใจพาโรงพยาบาลอีกครั้ง น้องร้องไห้หนักมาก เริ่มงอแงไม่ค่อยเอาใคร วัดไข้ วัดชีพจรก็ร้องไห้ วันนั้นจึงตัดสินใจแอดมิทวันแรกที่แอดมิท (เช้าวันเสาร์-คืนวันเสาร์)
วัดไข้ วัดชีพจร เจาะเลือดพร้อมกับดูดเลือดออกไปตรวจถึง 3 หลอด แล้วเปลี่ยนเป็นสายให้น้ำเกลือ น้ำเกลือขวดแรกเริ่มขึ้น น้องซึมๆ อยู่ เล่นแฟลชการ์ดได้ แต่กินข้าวได้น้อยมาก หลังจากนั้นก็แปะที่เก็บปัสสาวะ และตักอุจจาระไปตรวจ วันนี้ยังมีไข้ตัวร้อนอยู่ตลอด พยาบาลเข้ามาวัดไข้แทบจะทุกชั่วโมง เพราะไข้ขึ้นสูงถึง 40 องศากว่า เช็ดตัว ให้ยาลดไข้ ดีขึ้นมาหน่อย เป็นแบบนี้จนถึงเช้า น้องไม่ค่อยงอแงจะมีร้องไห้ โวยวายตอนมาวัดไข้ และก็เช็ดตัว (มียาหลังอาหาร 3 มื้อ เป็นยากลุ่มฆ่าเชื้อประมาณ 4 ตัว)วันรุ่งขึ้น (เช้าวันอาทิตย์-คืนวันอาทิตย์)
อาการยังทรงๆ หมดน้ำเกลืขวดแรกไปเติมขวดที่สองต่อ วันนี้ถ่ายประมาณ 6 ครั้ง (อุจจาระมีสีเขียวเข้มๆ มีมูกด้วย มูกใสๆ ยืดๆ บางรายมีมูกและมีเหลือ นี่ถือว่าเบาหน่อย) น้องทานอาหารในแต่ล่ะมื้อได้น้อย มื้อล่ะ 5 คำ ทานนมได้ 3 มื้อ มื้อล่ะ 3-4 ออนซ์เป็นนมสูตรใหม่ที่ทางโรงพยาบาลปรับให้สำหรับน้องที่ยังท้องเสียอยู่ วันนี้ก็เช่นกันที่มีไข้สูง 39-40 องศา แม่รู้ว่าเค้าปวดท้อง เพราะแม่เอาเค้ามานอนบนตัวเค้าจะอ้อนๆ หน่อย คือเค้าจะเกร็งท้อง เหมือนกันคนที่แขม่วพุงขึ้นลงอยู่แบบนั้น แค่ตด อุจจาระก็เล็ดออกมาแล้ว ผลการเพาะเชื้อออกแล้ว หมอว่าน้องติดเชื้อในลำไส้ และกระเพาะอาหาร เป็นเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อ ซาลโมเนลลา หมออธิบายตัวเชื้อและสาเหตุไปเบื้องต้น เดี๋ยวแม่จะอธิบายอีกทีว่ามาได้อย่างไรวันถัดมา วันแม่แห่งชาติ เช็คอินโรงพยาบาลช่วงเวลาดีๆ ที่วันนี้อาการเริ่มดีขึ้นแล้ว (เช้าวันจันทร์-คืนวันจันทร์)
อาการเริ่มดีขึ้นแล้วค่ะ ไข้ลงมา 36 37 ร่าเริงแล้ว แต่ก็ยังท้องเสียอยู่ ถ่ายมา 5-6 ครั้ง วันนี้น้องทานได้เยอะขึ้น อาหารยังอ่อนอยู่วันนี้หนูพร้อมกลับบ้านแล้ว พอแล้วโรงพยาบาล (เช้าวันอังคาร)
ก่อนกลับบ้านวันนี้ มีหมอมาตรวจประเมิณอาการดูว่ากลับบ้านได้แล้ว แต่ยังคงต้องกินยาฆ่าเชื้ออยู่ เพราะเชื้อจะอยู่ในร่างกายราวๆ 1 สัปดาห์ วันนี้มีการเก็บอุจจาระอีกครั้งเพื่อไปเพาะเชื้อ แต่ช่วงที่เก็บน้องยังไม่ถ่ายท้อง พยาบาลใช้ไม้ที่หุ้มสำลี คัตเติลบัตนั่นแหละแต่ไม้จะยาวๆ และหัวใหญ่อยู่ แหย่เข้าไปในรูทวารน้อง น้องนอนนิ่งไม่ร้องเลย ทำเอาแม่
สาเหตุ
ด้วยความที่แม่อยู่กับน้องแทบจะ 24 ชั่วโมง เลยรู้กิจวัตรประจำวัน ทำไรมา กินอะไรเข้าไป โดยวันก่อนที่จะมีไข้ แม่พาน้องไปทานอาหารนอกบ้าน แล้วด้วยความเสียดายเงินสิบบาทยี่สิบบาท แม่หยิบน้ำขวดหลังรถให้น้องทาน จริงๆ น้องมีน้ำขวดต้มสุกส่วนตัวแต่แม่ไม่ได้หยิบลงไป ตอนหยิบก็เอะใจ ไม่เป็นไรหรอก เพราะปกติก็เคยทานได้อยู่ แจ็คพอตแตกเลย นั้นแหละเป็นสาเหตุ เพราะน้ำที่อยู่ในรถและตากแดดเป็นเวลานาน เป็นแหล่งเพาะเชื้อดีๆ นี่เองซึ่งก็ไม่รู้ว่าอยู่ในรถนานแค่ไหนแล้ว ส่วนสาเหตุอื่นๆ ก็มาจากน้ำดิบ น้ำที่ไม่ได้ต้มสุก น้ำแข็ง การหยิบจับของเล่นเข้าปาก เอามือเข้าไป ตัวนี้ก็มีส่วนเช่นกัน อาหารไม่สุกก็ด้วยนะ ที่หมอเค้าบอกมาค่ะอ่านต่อ ใช้ขวดน้ำซ้ำ ถูกวิธี ลูกน้อยห่างไกลจากการติดเชื้อ
อ่านต่อ หมอเตือน! ระวัง 2 ตัวการ ลูกท้องเสีย ท้องร่วง
การป้องกัน และการรักษาอย่างต่อเนื่อง เชื้อจะอยู่ราวๆ 1 สัปดาห์
การป้องกันก็ต้องดูแลความสะอาดมือเป็นพิเศษหน่อย หมั่นล้างมือบ่อยๆ เช็ดข้าวของ ของเล่นด้วยแอลกอฮอล์ลหรือน้ำยาฆ่าเชื้อ ตอนนี้ก็เลี่ยงการดื่มน้ำจากขวด ให้กินน้ำต้มสุกแล้ว แม่พลาดเองจริงๆ ช่วงกลับมาจากโรงพยาบาลก็กินยากลุ่มฆ่าเชื้อวันละ 5 ครั้ง กินต่อเนื่องจนยาหมด ประมาณ 10 วันนับจากวันที่เป็น น้องมีเรียนว่ายน้ำก็ต้องหยุดไปก่อน เพราะยังท้องเสียอยู่ ไม่ควรนำเชื้อโรคไม่แพร่ไปสระ อันนี้กาดอกจันทน์ไว้เลยนะ ถ้าเด็กท้องเสียอย่าพาลงสระ เพราะจะแพร่เชื้อโรคให้คนอื่นได้ แม่ต้องให้น้องหยุดไปเทมอนึงก่อน แล้วค่อยไปเรียนใหม่ กลับมาบ้านครั้งนี้ก็ดูแลรักษาความสะอาดมากขึ้นกว่าเดิม น้องเริ่มทานอาหารได้เยอะเหมือนเดิม แต่ยังคงงดผักผลไม้ ขับถ่ายดีขึ้นไม่มีมูกแล้ว เริ่มมีชื้นเนื้อๆ บ้าง แต่ยังไม่ปกติขอบคุณที่ติดตามนะคะ เรื่องราวของหนูจะเป็นประโยชน์สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองไม่มากก็น้อยนะคะ
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่