โรคลมชัก เกิดขึ้นกับลูกน้อยโดยที่ไม่รู้ตัว - Amarin Baby & Kids
โรคลมชัก

โรคลมชัก เกิดขึ้นกับลูกน้อยโดยที่ไม่รู้ตัว

Alternative Textaccount_circle
event
โรคลมชัก
โรคลมชัก

รู้ให้เท่าทันช่วยป้องกัน ลูกเป็น โรคลมชัก

แพทย์หญิงปริญญรัตน์ บุรุษนุกูล กุมารแพทย์ด้านประสาทวิทยาอธิบายว่า อาการชัก เกิดจากความผิดปกติของการนำกระแสประสาทในสมอง ซึ่งมีผลทางร่างกาย และอาจมีผลต่อสภาวะการรู้สึกตัวร่วมด้วย สำหรับโรคลมชัก เป็นอาการชักที่เกิดขึ้นซ้ำตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป โดยที่ไม่มีสิ่งกระตุ้นกล่าวคือ ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ ไม่สบาย หรือมีไข้

อันตรายจากการชัก

นายแพทย์ชาครินทร์ ณ บางช้าง กุมารแพทย์ด้านประสาทวิทยาอธิบายว่า “กรณีที่ลูกเป็นลมชักนั้น หากเป็นกรณีปกติ อยากให้คุณพ่อคุณแม่ได้ทราบว่าธรรมชาติของการชักโดยตัวมันเองแล้วมักไม่ค่อยมีอันตราย โดยอาจเกิดขึ้นและจบลงภายในเวลาไม่กี่นาที ส่วนมากแล้วอันตรายที่เกิดขึ้น มักเกิดจากคนรอบข้างที่พยายามให้การช่วยเหลืออย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์จนก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บทางร่างกายตามมามากกว่า”

“แม้การชักมักจะไม่เป็นอันตรายและอาจหายได้เอง แต่หากเกิดขึ้นบ่อยครั้งย่อมเกิดผลกระทบต่อตัวเด็กและพัฒนาการทางการเรียนรู้และสังคมอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก เด็กที่ชักบ่อยๆ จะเริ่มถอยห่างจากเด็กที่ปกติกลายเป็นเด็กที่สติปัญญาช้า เรียนหนังสือไม่ได้ มีพฤติกรรมก้าวร้าวสมาธิสั้นและมีปัญหาการเรียนตามมาเรื่อยๆ”

โรคลมชัก
อาการชัก เกิดจากความผิดปกติของการนำกระแสประสาทในสมอง ซึ่งมีผลทางร่างกาย

ลูกเป็นลมชัก เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง

  • ไข้สูง
  • ระดับน้ำตาลและเกลือแร่ผิดปกติ
  • การใช้ยาบางชนิด
  • การอดนอน
  • โรคทางพันธุกรรมที่มักมีอาการชักร่วมด้วย
  • ภาวะสมองพิการแต่กำเนิด ซึ่งเกิดตั้งแต่เมื่อทารกยังอยู่ในครรภ์ อาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อระหว่างตั้งครรภ์ การได้รับสารเสพติด การขาดอาหาร หรืออุบัติเหตุในระหว่างตั้งครรภ์ เป็นต้น
  • การกระทบกระเทือนต่อสมองเนื่องมาจากอุบัติเหตุ หรือการขาดออกซิเจน
  • การติดเชื้อในสมอง อาทิ ฝีในสมอง สมองอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น
  • เนื้องอกในสมอง หรือมะเร็งที่กระจายจากอวัยวะอื่นๆ มาสู่สมอง

วิธีการรับมือ ลูกเป็นลมชัก

  • หากคุณพ่อคุณแม่เห็นว่า ลูกเป็นลมชัก จะต้องตั้งสติให้ดี อย่าตกใจ
  • หลังจากนั้นปรับตัวลูกให้เอนราบลงกับพื้น ตะแคงตัวไปด้านข้างเพื่อป้องกันการสำลัก พยายามนำตัวเด็กไปยังที่โล่ง ห่างไกลของมีคม เช่น มุมโต๊ะ หรือวัตถุมีคมที่อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บ และคลายเสื้อผ้าที่รัดๆ กันคนมุงออกไปห่างๆ เพื่อให้อากาศถ่ายเท
  • หากพบว่าเด็กมีไข้ ให้พยายามเช็ดตัวลดไข้
  • หากพบว่าร่างกายแข็งเกร็ง อย่าพยายามนวด ง้าง ดึง
  • ห้ามนำสิ่งของยัดใส่ปากผู้ที่มีอาการชักเด็ดขาด นอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้วยังอาจก่อให้เกิดอันตรายในช่องปากเช่นฟันหักอุดหลอดลม สำลัก อาเจียน ซึ่งเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
  • หากทำได้ ควรจับเวลา หรือถ่ายวิดีโอเก็บไว้เป็นข้อมูลสำหรับแพทย์
  • เมื่ออาการชักจบลง อย่าละเลย ควรพาเด็กไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย
  • เมื่ออาการชักนานเกิน 5 นาที หรือมีอาการชักแล้วหยุดแล้วชักอีก

หากคุณพ่อคุณแม่เห็นอาการบางอย่างของลูกที่ผิดปกติแต่ไม่มั่นใจว่าลูกเป็นลมชักหรือไม่ อย่ารอช้า รีบพาลูกไปพบแพทย์ทันที จะได้เข้ารับการวินิจฉัยได้อย่างถูกต้อง

ข้อมุลอ้างอิง: โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ คลิก!!

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up