ทำไม ใส่หน้ากากอนามัยนาน แล้วปวดหัว
นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 หน้ากากอนามัย ก็กลายมาเป็นสิ่งของที่ติดตัวคุณพ่อคุณแม่ทุกคนไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นเครื่องมือที่ช่วยป้องกันคุณพ่อคุณแม่และลูกน้อยเมื่อออกไปสู่ที่สาธารณะ แต่นอกจากการป้องกันแล้ว การ ใส่หน้ากากอนามัยนาน ก็มีผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น อาการปวดหัว และหายใจไม่สะดวก ไมเกรนกำเริบ เรามาดูกันว่าทำไมการใส่หน้ากากอนามัยจึงทำให้ปวดหัวได้ค่ะ
ปวดหัว 5 รูปแบบ
โรคปวดศีรษะมีหลายชนิดแต่ที่พบเจอได้บ่อยๆ มี 5 ประเภท ตามตำแหน่งของการปวดศีรษะ ได้แก่
- โรคปวดศีรษะคลัสเตอร์ (Cluster) เป็นอาการผิดปกติทางระบบประสาท โดยจะมีอาการปวดหัวเป็นชุดๆ นานครั้งละประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นเวลาเดิมๆ ของทุกวัน อาการปวดหัวแบบคลัสเตอร์จะปวดบริเวณขมับ เบ้าตา น้ำตาไหล น้ำมูกไหล ส่วนใหญ่จะมีอาการในช่วงเช้าและช่วง 2-4 โมงเย็น
- ปวดหัวไมเกรน (Migraine) เกิดจากความผิดปกติของระบบไฟฟ้าที่ผิวสมองทำให้กระทบกับการไหลเวียนของเลือดในสมอง ส่งผลให้หลอดเลือดสมองเกิดการขยายตัวและเกิดการอักเสบและทำให้ปวดหัวในที่สุด โดยการปวดหัวแบบไมเกรนนี้มักจะมีอาการปวดหัวข้างเดียว ลักษณะจะเป็นการปวดตุบ ๆ คล้ายเส้นเลือดเต้น
- ไซนัสอักเสบ (Sinus) โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ โดยผู้ป่วยจะมีอาการปวดหน่วงๆ ตามจุดต่างๆ เช่น หน้าผาก หัวตา โหนกแก้ม หรือรอบกระบอกตา ผู้ป่วยมักจะมีน้ำมูกข้นสีเหลืองหรือเขียว ในบางรายอาจมีอาการแน่นจมูกหรือมีอาการหายใจมีกลิ่นเหม็นร่วมด้วย
- ปวดศีรษะจากเครียด (Tension) จะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีความเครียด โดยร่างกายจะหลั่งสารเคมีบางชนิดทำให้กล้ามเนื้อบริเวณขมับ ศรีษะ บ่า ไหล่มีการหดตัวและก่อให้เกิดเป็นอาการปวดหัวขึ้นได้
- โรคข้อต่อขากรรไกรและกล้ามเนื้อบดเคี้ยว (TMJ) เป็นอาการความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกรและกล้ามเนื้อบดเคี้ยว ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดบริเวณใบหน้า ปวดหัว ขมับ กกหู และขากรรไกร นอกจากนี้ในบางรายอาจมีอาการอ้าปากไม่ขึ้นหรือขากรรไกรค้าง
ที่มาของอาการปวดหัวเมื่อ ใส่หน้ากากอนามัยนาน
การสวมหน้ากากอนามัยที่แน่นเป็นเวลานาน ๆ อาจทำให้เกิดอาการปวดที่ ข้อต่อขมับ หรือที่เรียกว่า TMJ ซึ่งเชื่อมขากรรไกรล่าง กับส่วนที่เหลือของกะโหลกศีรษะ กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อที่ช่วยให้กรามขยับได้ จะระคายเคือง หรือตึง เมื่อสวมหน้ากากอยู่ด้านหลังใบหู เส้นประสาทที่ส่งผลต่อกรามของคุณ สามารถส่งสัญญาณความเจ็บปวด ที่สามารถรู้สึกได้ว่าเป็น “อาการปวดหัว”
ป้องกันอาการปวดกรามและปวดศีรษะจากการสวมหน้ากากอนามัยได้อย่างไร?
อาการปวดศีรษะ จากการกดทับเกิดจากแรงภายนอก กดที่ศีรษะอย่างต่อเนื่อง โดยปกติแล้วจะมาจากการสวมอุปกรณ์สวมศีรษะที่รัดแน่น เช่น แว่นตาว่ายน้ำ หรือหมวกกันน๊อค แพทย์มักจะเห็นอาการปวดหัวเหล่านี้บ่อยที่สุด กับคนงานก่อสร้าง นักกีฬา เจ้าหน้าที่ตำรวจ นักดับเพลิง ทหาร ในทำนองเดียวกัน การสวมหน้ากากที่กระชับ สามารถกดทับเส้นประสาทที่บอบบาง และหลอดเลือดทำให้เกิดการอักเสบได้
ที่มาของอาการปวดหัว จากการสวมใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- ห่วงคล้องหูแบบยืดหยุ่น กดทับเส้นประสาทที่บอบบางรอบหู
- หน้ากาก N95 กดที่จมูกและหู
- เฟซชิลด์ และแว่นตา กดทับที่หน้าผากและขมับ
ทำไม ใส่หน้ากากอนามัยนาน จึงทำให้เกิดอาการไมเกรนได้
คนที่เป็นไมเกรนอาจมีความรู้สึกไวเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่เป็นโรคอัลโลดีเนีย ซึ่งมีหนังศีรษะที่บอบบางมาก
ใส่แมสอย่างไรให้ถูกวิธี
ขณะเลือกหน้ากาก ให้ดูว่าเหมาะสมกับใบหน้าคุณพ่อคุณแม่แค่ไหน ช่องว่างอาจทำให้อากาศที่มีละอองหายใจเข้าและออกรอบขอบหน้ากากได้ ช่องว่างอาจเกิดจากการเลือกขนาดหรือชนิดของหน้ากากที่ไม่ถูกต้อง
ต้องตรวจสอบว่า หน้ากากแนบสนิทกับจมูก ปาก และคางแล้ว เนื่องจากช่องว่างด้านข้างของหน้ากากระหว่างขอบอาจทำให้ประสิทธิภาพการป้องกันต่ำลงได้
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าหลายคนยังคงสัมผัสหน้ากากบ่อย ๆ ซึ่งเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อ จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้ากากบ่อย ๆ ยิ่งถ้าใครชอบดึงหน้ากากลง นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เชื้อไวรัสสามารถเข้ามาได้ และนี่คือสาเหตุว่าทำไมหน้ากาก N99 ถึงได้รับความนิยม เพราะมันสามารถใส่ได้เป็นเวลายาวนานโดยไม่ระคายเคือง
เคล็ดลับในการสวมหน้ากากไม่ให้ “ปวดหัว”
มีเคล็ดลับง่ายๆ ในการหยุดอาการปวดศีรษะจากการกดทับจากภายนอกซึ่งคุณสามารถทำตามได้ง่ายๆ
- พยายามหลีกเลี่ยงหน้ากากที่แน่นอยู่หลังใบหูของคุณ สวมหน้ากากที่แน่นขึ้นซึ่งอาจทำให้เส้นประสาทบริเวณใกล้เคียงระคายเคืองได้ ใช้หน้ากากที่หลวมกว่าเมื่อทำได้ และเก็บหน้ากากที่แน่นและรัดกุมยิ่งขึ้น (เช่น หน้ากาก N95) สำหรับเมื่อคุณอยู่ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง
- พยายามรักษาท่าทางต่างๆ ในการนั่ง การเดิน การยืน เพราะจริงแล้วอาการปวด TMJ อาจเกิดจากการจัดตำแหน่งศีรษะของคุณในตำแหน่งที่ผิดธรรมชาติหรือผิดปกติ ซึ่งจะเพิ่มความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ
- ลองหน้ากากทรงใหม่ ๆ อาจช่วยคุณได้ ลองนึกดูว่าอาการปวดที่เกี่ยวข้องกับการมาส์กของคุณมีที่มาจากอะไร และหารูปแบบการมาส์กที่หลีกเลี่ยงบริเวณที่บอบบางนั้น ปกติหน้ากากผ้าจะใส่สบายกว่าหน้ากากผ่าตัดหรือหน้ากาก N95 แต่ประสิทธิภาพการป้องกันก็จะต่ำลงไป ควรเลือกใช้ให้ถูกและเหมาะกับสถานที่
- ลองหน้ากากหลาย ๆ ขนาดที่เหมาะกับใบหน้า หน้ากากควรสวมใส่ได้กระชับพอดีตัว แต่ต้องสวมใส่สบายเมื่อใส่ไปเป็นเวลานานด้วย หากต้องถอดเข้าออกหน้ากากบ่อยอาจทำให้เสี่ยงต่อการติดโรคได้ หน้ากากมีหลายขนาดตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ XXL ให้มองหาขนาดที่พอดี แต่จำไว้ว่าคุณต้องการปกปิดใบหน้าตั้งแต่สันจมูกจนถึงปลายคาง
- หยุดสวมหน้ากากเป็นครั้งคราว และออกห่างจากผู้อื่น อาการปวดศีรษะจากการกดทับมักจะหยุดลงหลังจากถอดหมวก ดังนั้นเมื่อมีอาการเจ็บปวดครั้งแรก ให้หาที่ที่ปลอดภัยในการถอดหน้ากาก ยังดีกว่าถ้าคุณสวมหน้ากากเป็นเวลานาน ให้หยุดพักเป็นระยะ ๆ เพื่อป้องกันอาการปวดศีรษะตั้งแต่แรก
- ปรึกษาแพทย์ หากคุณได้ลองทำทุกวิธีข้างต้นแล้วไม่สำเร็จ แพทย์ของคุณอาจต้องการสั่งจ่ายยาป้องกันหรือเพิ่มขนาดยาเพื่อให้คุณสวมหน้ากากได้อย่างสบาย
ขอบคุณข้อมูลจาก
springnews, MGR Online
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก