ขนหมาเข้าปอด

พ่อโพสต์เฟซบุ๊กเตือน! ลูกป่วยเป็นภูมิแพ้อย่างหนัก เพราะขนสุนัข

event
ขนหมาเข้าปอด
ขนหมาเข้าปอด

ขนหมาเข้าปอด

อย่างที่กล่าวมาข้างต้น ว่าขนของน้องหมาน้องแมว จะไม่สามารถเข้าไปในจมูกเราได้ เพียงแค่คอยทำความสะอาจขนน้องหมาที่ตกอยู่ที่พื้น และตามที่กรง หรือที่นอนประจำก็เพียงพอแล้ว และถ้าคิดจะเลี้ยงน้องหมาให้อยู่ร่วมกับลูกน้อยให้สบายใจ คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ จำเป็นต้องรู้และปฏิบัติตามข้อแนะนำต่อไปนี้ อย่างต้องเข้มงวด

1. จัดบริเวณที่อยู่ของน้องหมาให้เป็นสัดส่วน

การจัดบริเวณให้น้องหมาอยู่เป็นสัดส่วน เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องลงมือทำเป็นอันดับแรก โดยคุณพ่อคุณแม่อาจจะใช้ กรง ที่กั้นคอกจำกัดพื้นที่ เพื่อไม่ให้น้องหมาเดินได้อย่างอิสระ และให้น้องหมาอยู่ห่างจากบริเวณที่ลูกน้อยซึ่งมีอาการแพ้ขนน้องหมาอาศัยอยู่พอสมควร เพื่อจำกัดพื้นที่การหลุดร่วงของขนน้องหมาไม่ให้ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณบ้าน อีกทั้งบริเวณที่เหมาะสมสำหรับน้องหมาควรเป็นพื้นที่ที่เงียบสงบ อากาศถ่ายเทได้สะดวก มีร่มเงาที่เพียงพอ และง่ายต่อการดูแลทำความสะอาด

และสำหรับครอบครัวที่เลี้ยงน้องหมาให้อยู่ภายในบ้าน แนะนำว่า ให้คุณพ่อคุณแม่จัดแบ่งพื้นที่ให้กับน้องหมาอย่างชัดเจน โดยอาจจะหาเครื่องฟอกอากาศเข้ามาติดตั้งเพื่อช่วยฟอกอากาศภายในบ้านให้สดชื่นขึ้น พร้อมกับหมั่นดูแลทำความสะอาดห้องนั่งเล่นอย่างสม่ำเสมอเพื่อสุขอนามัยที่ดี

ทั้งนี้ไม่ควรให้น้องหมาหรือน้องแมวเข้ามาในห้องนอนที่ลูกน้อยนอนเป็นประจำ หรือนอนร่วมเตียงนอนเดียวกัน เพราะลูกยังมีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงพอ โดยเฉพาะพวก เห็บ หมัด ไร ฝุ่น อาจก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงตามมาได้ อีกทั้งขนน้องหมา ขี้ไคล น้ำลาย สะเก็ดรังแคต่าง ๆ ของน้องหมามีโอกาสที่จะหลุดร่วงและฝังตัวในหมอน ผ้าปูที่นอน ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้

2. หมั่นทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ

สำหรับใครที่เลี้ยงน้องหมาไว้ในบ้าน การรักษาความสะอาดบ้าน ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย โดยแนะนำว่า ให้ใช้วิธีดูดฝุ่นเน้นตามซอกมุมต่าง ๆ ภายในบ้าน  เช่น บนพื้น รอยต่อของไม้ ซอกประตู หน้าต่าง ทำความสะอาดที่นอน โซฟา โต๊ะ ตู้ ฯลฯ เป็นประจำแทนการใช้ไม้กวาดกวาดพื้นบ้าน เพื่อลดการฟุ้งกระจายของขนน้องหมาไม่ให้ปลิวไปทั่วบ้าน และกำจัดเศษขนน้องหมาที่หลุดร่วงออกมา ควรถูบ้านด้วยน้ำยาที่มีส่วนผสมของยาฆ่าเชื้อทุกวันเพื่อป้องกันไรฝุ่น ฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อยู่ตามพื้น พร้อมกับหมั่นทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ภายในบ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

3. อาบน้ำแปรงขนให้น้องหมาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลอาบน้ำทำความสะอาดน้องหมาเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และแปรงขนน้องหมาเพื่อสางขนชุดเก่ารวมถึงสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ติดอยู่ตามตัวน้องหมาออก ซึ่งการแปรงขนให้น้องหมาเป็นประจำจะช่วยนวดกระตุ้นให้ต่อมไขมันที่โคนขนขับน้ำมันออกมาเคลือบเส้นขน ทำให้ผิวหนังและเส้นขนของน้องหมาชุ่มชื้น และช่วยขจัดรังแค สิ่งสกปรกต่างๆ ออกจากผิวหนัง และยังช่วยลดการหลุดร่วงของขนน้องหมาได้เป็นอย่างดี

และสำหรับคุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนมักจะเข้าใจว่า การจับน้องหมาอาบน้ำบ่อย ๆ เช่น อาบน้ำให้น้องหมา 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ จะสามารถช่วยให้ร่างกายของน้องหมาสะอาดมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเลยค่ะ เพราะในความเป็นจริงแล้วการจับน้องหมาอาบน้ำบ่อย ๆ จะเป็นการทำลายไขมันที่ร่างกายน้องหมาผลิตออกมาเคลือบผิวหนังและเส้นขน ซึ่งจะส่งผลทำให้ผิวหนังและเส้นขนหยาบ แห้ง ขาดความเงางาม ก่อให้เกิดอาการคันในน้องหมาบางตัว และอาจทำให้น้องหมาเป็นโรคผิวหนังอักเสบ เกิดสะเก็ดรังแคได้ ซึ่งถ้าหากมีอาการรุนแรงผิวหนังก็อาจจะติดเชื้อและกลายเป็นโรคผิวหนังต่าง ๆ ได้

4. ควรล้างมือทุกครั้งหลังเล่นกับน้องหมา

ซึ่งหลังจากที่คุณพ่อคุณแม่เล่นหรือจับน้องหมาก็ควรล้างมือล้างให้สะอาดทุกครั้ง ก่อนที่จะมาอุ้มลูก หรือทำอาหาร และถ้าคุณพ่อคุณแม่ หรือลูกน้อยเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับน้องหมา ก็ควรอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยหลังจากที่เล่นกับน้องหมาเสร็จ เพื่อลดการเกิดอาการแพ้หลังจากที่เล่นกับน้องหมา

และสิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่จะช่วยให้ผู้เลี้ยงลดการเกิดอาการแพ้นั่นก็คือ การสวมเสื้อให้น้องหมาเวลาน้องหมาอยู่ในตัวบ้าน ซึ่งการใส่เสื้อผ้าให้น้องหมาจะสามารถช่วยลดการกระจายของเศษขี้ไคลจากผิวของน้องหมาลงไม่ให้ฟุ้งลอยไปในอากาศลงได้นั่นเองค่ะ

5. การให้ยาถ่ายพยาธิน้องหมา

นอกจากเรื่องความสะอาดแล้ว คุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ที่เลี้ยงน้องหมาต้องคอยให้ยาถ่ายพยาธิเป็นประจําทุกเดือน เพราะพยาธิในน้องหมาสามารถอยู่ในคนได้ ถ้ามีสนามหญ้าหน้าบ้านหลังบ้าน เวลาหมาอึต้องตามเก็บให้หมด เพราะลูกเราก็จะวิ่งเล่นเท้าเปล่าบนสนามหญ้านั้นเหมือนกัน อีกทั้งควรใช้ยากําจัดเห็บหมัดให้เป็นประจําด้วย เพราะเห็บเป็นสัตว์ที่อยู่ได้กับสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง สามารถข้ามจากน้องหมามาเกาะคนได้

อย่างไรก็ดี การเลี้ยงน้องหมาน้องแมวให้อยู่ร่วมกับลูกน้อยก็ยังมีข้อดีอีกด้วย โดยมีการศึกษาว่า การให้เด็กมีสัตว์เลี้ยงจะทำให้เค้ามีระดับ EQ ที่สูงด้วย ทำให้ลูกได้เรียนรู้ที่จะดูแลสัตว์ การเป็นเจ้าของ การเรียนรู้ที่จะเผื่อแผ่คนอื่น และสุดท้ายเมื่อสัตว์ที่เลี้ยงได้ตายจากไป ลูกก็จะได้เรียนรู้เรื่องความสูญเสีย ว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมมีเกิดและมีดับนั่นเองค่ะ

และจากที่กล่าวมานั้น ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับวิธีป้องกันลูกน้อยหรือเด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้ขนสัตว์ให้สามารถอยู่ร่วมกับน้องหมาแสนรักได้ เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่ต้องค่อยดูแลรักษาเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษและหลีกเลี่ยงอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นเพียงเท่านี้ คุณพ่อคุณแม่หรือคนในครอบครัวที่รักสัตว์แต่แพ้ขนน้องหมาก็สามารถอยู่ร่วมกันกับน้องหมาได้อย่างมีความสุขแล้วล่ะค่ะ

อ่านต่อ “บทความน่าสนใจ” คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก : www.dogilike.com ,  www.bloggang.com

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up