-
พบผู้ป่วยแล้ว 11,326 ราย
-
ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
-
อีกทั้งยังพบมากที่กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีจำนวน 9,678 ราย คิดเป็นร้อยละกว่า 85
-
นอกจากนี้ ยังพบว่าช่วงที่พบผู้ป่วยมากที่สุดของปีที่แล้ว คือ ช่วงเปิดเทอมจนถึงหน้าฝน (เดือน พ.ค.-ส.ค.) เพียง 4 เดือนมีผู้ป่วยมากถึง 38,304 ราย คิดเป็นร้อยละ 54 ของผู้ป่วยทั้งหมด
โดยก่อนหน้านี้เมื่อปีที่แล้ว (2560) ทางกรมควบคุมโรค ก็ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับ โรคมือเท้าปาก ถึงสถานการณ์ ซึ่งมีข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.–30 เม.ย. 2560 พบผู้ป่วยแล้ว 17,117 ราย เสียชีวิต 1 ราย ส่วนในปี 2559 ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยทั้งหมด 79,910 ราย เสียชีวิต 2 ราย
ซึ่งผู้ป่วยเกือบทั้งหมดเป็นเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี มากถึง 70,874 ราย คิดเป็นร้อยละ 89 ของผู้ป่วยทั้งหมด นอกจากนี้ ยังพบว่าช่วงที่พบผู้ป่วยมากที่สุดของปีที่แล้ว คือ ช่วงเปิดเทอมจนถึงหน้าฝน (เดือน พ.ค.-ส.ค.) เพียง 4 เดือนมีผู้ป่วยมากถึง 50,156 ราย คิดเป็นร้อยละ 63 ของผู้ป่วยทั้งหมด
นอกจากนั้นในช่วงนี้อากาศของประเทศไทยก็เปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้โรคติดต่อทางเดินหายใจ เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ นักเรียนและเด็กเล็กมีความเสี่ยงต่อการรับเชื้อจากการอยู่กับคนหมู่มาก โดยตั้งแต่ต้นปี 2561 ถึงปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เป็นกลุ่มก้อนทั้งในโรงเรียน ค่ายทหารเรือนจำและวัดทั้งสิ้น 18 เหตุการณ์ โดยขอให้ผู้ปกครองและครูสังเกตอาการเด็ก หากมีไข้ ปวดศีรษะร่วมกับมีอาการปวดเมื่อร่างกาย ขอให้หยุดเรียน และพักรักษาจนกว่าจะหายเป็นปกติ เพื่อลดการแพร่กระจายโรคสู่ผู้อื่นๆ
ทั้งนี้สำหรับ การป้องกันโรคมือเท้าปาก กรมควบคุมโรค ขอความร่วมมือศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล และสถานรับเลี้ยงเด็ก ตรวจคัดกรองเด็กเป็นประจำทุกวันในตอนเช้า โดยเฉพาะในช่วงเปิดเทอมจนถึงหน้าฝน…หากพบเด็กป่วยขอให้แยกออกจากเด็กปกติและแจ้งให้ผู้ปกครองรับกลับบ้าน หลีกเลี่ยงไม่ให้เด็กป่วยเล่นคลุกคลีกับเด็กปกติและเมื่อป่วยควรพักรักษาอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหาย ไม่พาเด็กไปในที่ชุมชนแออัดเช่นห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ เป็นต้น รวมถึงให้เด็กล้างมือบ่อยๆ หรือทุกครั้งที่สัมผัสสิ่งสกปรกปนเปื้อนเชื้อโรค
นอกจากนี้ ต้องหมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์ เครื่องมือ ของใช้ ของเล่น ภายในศูนย์ฯ และโรงเรียนเป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกครั้งที่พบว่ามีเด็กป่วยโรคนี้ ที่สำคัญหากพบเด็กป่วยเป็นโรคมือเท้าปาก ให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านทันที หากคุณพ่อคุณแม่มีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422[1]
ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก : www.newtv.co.th