มารู้จักกับ “โรคเริม”
อย่างที่บอกไปค่ะว่า “ไวรัสเริม” มี 2 ชนิด ที่ทำให้เกิดโรคเริม คือ…
- Herpes simplex virus (HSV1) เป็นไวรัสเริมที่เกิดขึ้นเฉพาะที่ปาก
- Herpes simplex virus (HSV2) เป็นไวรัสเริมที่เกิดขึ้นเฉพาะที่อวัยวะเพศ
การติดเชื้อจะเกิดขึ้นได้ ต้องมีเชื้อไวรัสในน้ำเหลืองจากแผล น้ำลาย น้ำเหลืองหรือน้ำอสุจิ แล้วเชื้อไวรัสต้องเข้าสู่ผิวหนังที่ มีรอยถลอกหรือรอยแผล และอาจจะเข้าสู่เยื่อเมือก เช่น บริเวณปากและอวัยวะเพศ
ซึ่งเมื่อไวรัสเข้าสู่ร่างกายแล้วจะมีกระบวนการติดเชื้อ โดยที่เฮอร์ปีส์ไวรัส (Herpes simplex virus) จะแทรกซึมเข้าไปในเซลล์ผิวหนังที่อยู่ชั้นล่างๆ ของผิวหนังโดยที่บางครั้งก็ไม่มีอาการ แต่ในบางคนไวรัสจะแบ่งตัวและทำลายเซลล์ผิวหนัง จึงเกิดมีการอักเสบทำให้มีตุ่มน้ำใสเกิดขึ้นเป็นกลุ่ม อยู่บนปื้นแดง เมื่อตุ่มน้ำแห้งหรือแตกไปจะเกิดเป็นสะเก็ด แล้วหายโดยไม่มีแผลเป็น[2]
บทความแนะนำ คลิก>> ผดร้อนในทารก อาการทางผิวหนังจากอากาศร้อน
โรคเริมมีอาการอย่างไร?
สำหรับคนที่เป็นโรคเริมในครั้งแรกอาจไม่ทราบว่าลักษณะอาการเป็นอย่างไร ดังนั้นเราจะไปเช็กอาการที่เกิดขึ้นพร้อมกันค่ะ…
- จะมีผื่นผิวหนัง และอาการปวด หลังจากได้รับเชื้อ 2-12 วัน
- มีรอยบวมแดงบริเวณที่ติดเชื้อ ซึ่งจะกลายเป็นตุ่มน้ำใสเป็นกลุ่มอย่างรวดเร็ว
- ตุ่มน้ำในบริเวณที่ชื้นแฉะจะเป็นอยู่นานกว่า และอาจมีอาการคันร่วมด้วย
- ตุ่มน้ำใสจะแห้งไปภายใน 7-10 วัน และหายโดยไม่มีแผลเป็น
สำหรับคุณแม่ หรือคนอื่นๆ ในครอบครัวที่เคยเป็นโรคเริมไม่ว่าจะที่ปาก หรือตรงอวัยวะเพศ ถึงแม้ว่าจะรักษาจนหายเป็นปกติแล้ว ก็สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีกครั้ง เนื่องจากเชื้อของโรคยังมีอยู่ เมื่อใดก็ตามที่ถูกกระตุ้น ไม่ว่าจะด้วยจากความเครียด นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการไปสัมผัสเข้ากับเชื้อไวรัสเริม ก็เสี่ยงต่อการเกิดโรคขึ้นได้อีกครั้งค่ะ
อ่านต่อ การรักษาเริมที่ปาก หน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่