วัคซีนหัด ฉีดฟรีถึง มีนา 63 นี้ เร่งพาลูกไปฉีดก่อนติดเชื้อหัด
การรับวัคซีนป้องกันโรคหัดในเด็ก
ปัจจุบันมี วัคซีนหัด ที่สามารถป้องกันโรคหัดได้ คือ วัคซีนป้องกันโรคหัดที่มีส่วนประกอบของวัคซีนป้องกันโรคคางทูม หัดเยอรมัน หรืออีสุกอีใส โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถป้องกันลูกน้อยจากโรคหัดได้ด้วยการพาเด็กเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดให้ครบตามกำหนด ซึ่งวัคซีนดังกล่าวมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง
ในปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด 2 ครั้ง ได้แก่
- ครั้งแรก เมื่อเด็กอายุ 9-12 เดือน
- ครั้งที่ 2 เมื่อเด็กอายุ 2.5 ปีเป็นต้นไป
นอกจากนี้ แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดวัคซีนเอ็มเอ็มอาร์ ซึ่งเป็น วัคซีนหัด ที่สามารถป้องกันได้ทั้งโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน และอีสุกอีใส ให้แก่เด็กอายุ 12 เดือนไปจนถึงอายุ 12 ปี ในกรณีที่เด็กยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส
วัคซีนป้องกันโรคหัดสำคัญอย่างไร ?
- โรคหัดเป็นโรคที่แพร่กระจายได้ง่ายและติดต่อกันอย่างรวดเร็ว โดยผู้ติดเชื้อกว่า 90 เปอร์เซ็นต์มักมีอาการของโรคปรากฏให้เห็น
- ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเอ็มเอ็มอาร์มากกว่า 95 เปอร์เซ็นต์มีภูมิต้านทานโรคทั้ง 3 ชนิด คือ โรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน
- ผู้ป่วยโรคหัดส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเอ็มเอ็มอาร์ ซึ่งโรคหัดอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น โรคปอดบวม และสมองอักเสบ ซึ่งอาจทำให้สมองถูกทำลายและทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
- 30 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยโรคหัดมีอาการแทรกซ้อนเกิดขึ้น ซึ่งมักเกิดในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 20 ปี โดยอาจมีอาการอย่างท้องเสีย หูชั้นกลางอักเสบ และปอดบวม ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนรุนแรงของโรคหัดที่เป็นสาเหตุของการตายที่พบมากที่สุด
เด็กทารกที่ภูมิคุ้มกันยังน้อยอยู่ เมื่อติดเชื้อจากไวรัสหรือเชื้ออะไรก็ตาม จึงมักจะมีอาการมากกว่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเชื้อร้ายที่หากติดแล้วอาจเสียชีวิตหรือมีอาการร้ายแรงได้ สิ่งที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ลูกป่วยจากโรคร้ายแรงต่าง ๆ คือการฉีดวัคซีน เช่น วัคซีนหัด ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรพาลูกไปฉีดวัคซีนทันทีที่ลูกครบกำหนดฉีด และควรพาลูกไปพบแพทย์ทุกครั้งเมื่อถึงเวลานัดนะคะ
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
โรคหัด หัดเยอรมัน ต่างกันอย่างไร
ตารางวัคซีน 2562 แม่เช็กเลย! ลูกอายุเท่าไหร่..ต้องฉีดตัวไหนบ้าง?
อนุมัติแล้ว! เด็กไทยฉีด “วัคซีน HIB” ฟรี!! ป้องกันได้ 5 โรค
หมอเตือน! 3 ภัย 4 โรคในหน้าหนาว เด็กเล็กเสี่ยงเจ็บตายสูงขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.pptvhd36.com, สำนักข่าว Hfocus (เอชโฟกัส), www.pobpad.com
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่