แม่แชร์ประสบการณ์ ลูกป่วย โรคคาวาซากิ - amarinbabyandkids
โรคคาวาซากิ

แม่แชร์ประสบการณ์ ลูกป่วย โรคคาวาซากิ

Alternative Textaccount_circle
event
โรคคาวาซากิ
โรคคาวาซากิ

 

โรคคาวาซากิ

ผลแลปออกมาแล้ว ปรากฏหมอเจอว่า มีติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะ ขอส่งฉี่ไปเพาะเชื้ออีก3วัน อยากรู้ว่าเป็นเชื้อตัวไหน ดื้อยาหรือไม่ หมอแนะนำให้นอนโรงพยาบาลเพื่อให้ยาฆ่าเชื้อทางสายน้ำเกลือ (ทั้งนี้หมอบอกว่าจะไม่นอนก็ได้ แต่ต้องมาฉีดยาทุกวันจนครบโดส) ผลเจาะเลือดไปตรวจนั้นยังไม่เจออะไร

เวลา 22.00 น. จากรูปจะเห็นได้ว่าน้องเริ่มมีริมฝีปากแดง ตาบวม(แม่คิดว่าบวมเพราะร้องไห้เยอะ)

วันที่ 3 ตุลาคม 60 ไข้ไม่ลงเลย 38.3 – 39.7 องศาตลอดทั้งที่ให้ ”บูเฟ่น” และ ”พารา” พอหมดฤทธิ์ยา กินยาอ้วกตลอด มีเสมหะเยอะ ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก และยังคงให้ยาฆ่าเชื้อแบบฉีด

 

วันที่ 4 ตุลาคม 60 ไข้สูงเหมือนเดิม หมอขอตรวจเลือดอีกรอบ พร้อมเอกเรย์ปอด คราวนี้ส่งแลปหลายตัว ขอตรวจฉี่อีกรอบว่า ยาฆ่าเชื้อได้ผลมั้ย เม็ดเลือดขาวลดลงหรือยัง และขอconsult หมอหัวใจ เพราะอาการเหมือน”โรคคาวาซากิ”

เวลา 18.00 หมอโรคหัวใจ มาดูอาการ ฟันธงว่า”ใช่” และขอทำเอคโค่ สั่งให้ยา IVIG ทันที ผลเอคโค่ ปกติ (ถือเป็นข่าวดี) แต่ยา IVIG ที่นี่ ขวดละ18,000 ต้องให้ 3 ขวด ตามน้ำหนักตัว =54,000 แม่ตัดสินใจเองไม่ได้ ต้องโทรหาป๊า ป๊าบอกให้ไปเลย แม่ร้องไห้หนักมาก ถ้าเราไม่มีเงิน ลูกคงไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที!! Zยานี้เบิก30บาทได้ก็จริง แต่กว่าจะได้ยา อีกกี่ชั่วโมงก็ไม่รู้ ระบบโรงพยาบาลรัฐค่อนข้างช้า) ที่นี่หมอสั่งตอน 2 ทุ่ม หลังทำเอคโค่ น้องได้ยาตอน21.30) หมอย้ายน้องเข้าห้อง ICU เพื่อสังเกตุอาการหลังให้ IVIG

อ่านต่อ >> โรคคาวาซากิ ประสบการณ์โรครุนแรงในเด็กเล็ก

วันที่ 5 ตุลาคม 60 ผลเลือดออกมา ติดเชื้อไมโครพลาสม่า ผลเอกเรย์ ปอดอักเสบ ติดเชื้อลงปอด ผลเพาะเชื้อออกมา เป็นเชื้อดื้อยา ต้องให้ merophenem ต่ออีก 10 วัน หลังได้ IVIG น้องดูดีขึ้นมาก ไม่มีไข้ ปากหายแดง มือหายแดง แต่ยังต้องรอดูหลัง 48-36 ชั่วโมงว่ามีไข้ขึ้นอีกมั้ย ถ้ามีไข้ คือ คาวาซากิดื้อยา ต้องให้ IVIG ซ้ำอีกรอบ

 

วันที่ 6 ตุลาคม 60 อาการน้องดีขึ้นมาก หมอให้ออกจาก ICU ได้แล้ว ยังคงมีเสมหะแค่อย่างเดียว ตอน 10 โมงเช้า โรงพยาบาลจุฬา รับน้องเข้ารักษาต่อแล้ว เนื่องจากโรงพยาบาลที่อยู่ตอนนี้ราคาแพงมาก วันนี้ คือ วันที่แม่เหนื่อยที่สุด ขับรถไปหลายที่มาก แต่ก็โล่งที่สุดเหมือนกัน ไม่ต้องกังวลกับอาการของลูกและค่าใช้จ่ายอีกต่อไปแล้ว เคลียร์ค่ารักษาที่โรงพยาบาลสำหรับ 4 วันแรกนั้น ยอดเต็ม 126,000 กว่าบาท

วันที่ 8 ตุลาคม 60 วันนี้น้องอาการดีขึ้นมาก กลับมากินได้ เล่นได้แล้ว ถอดสายน้ำเกลือไปตอน 9 โมง เสมหะน้อยลง จนไม่ต้องดูดออกแล้ว รอแค่ยาฆ่าเชื้อครบ ก็น่าจะได้กลับบ้านแล้วค่ะ

อ่านต่อเรื่องราวของคุณแม่ได้ที่หน้าถัดไปค่ะ >>

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up