สังเกตวัณโรคกระดูกสันหลังก่อนสายเกินไป
เมื่อเชื้อวัณโรคลุกลามไปที่ข้อต่อ และกระดูก ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก จะมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตามตัวเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งจะค่อยเป็นค่อยไป จนกระทั่งผ่านไป 1 เดือน อาการปวดจะเด่นชัด มีไข้ต่ำๆ ตอนเย็นๆ รวมถึงเบื่ออาหาร น้ำหนักลด หลายคนอาจคิดว่าเป็นอาการปวดหลังธรรมดา ถ้าปล่อยไว้นานจะทำให้กระดูกสันหลังโก่งงอ เพราะเชื้อเข้าไปทำลายกระดูก ถ้าเชื้อไปกดทับระบบประสาทจะทำให้ขาชา อุจจาระ ปัสสาวะลำบาก บางคนต่อมน้ำเหลืองโต เดินกะเผลก โรคนี้ส่วนใหญ่เกิดกับกระดูกส่วนเอว ประมาณ 30-50% จะทำให้ปวดหลังมากจนไม่สามารถยืนตรงได้
ในเด็กเล็กอาจตื่นขึ้นมาร้องไห้ตอนกลางคืน เนื่องจากกล้ามเนื้อหย่อน ข้อเสียดสีกัน ทำให้เกิดความเจ็บปวด ตำแหน่งที่พบบ่อยคือ ข้อสันหลัง ข้อสะโพก ข้อเข่า ข้อเท้า ข้อข้างกระดูกกระเบนเหน็บ ข้อไหล่ ข้อมือ ตามลำดับ
วินิจฉัยโรค ปวดหลังไม่ใช่อาการธรรมดา
มีผู้ป่วยหลายคนคิดว่าการปวดหลังเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นทั่วไป จึงไม่เอะใจ และไม่ไปพบแพทย์ กว่าจะมาหาคุณหมอ ก็รอจนปวดมากๆ จนร่างกายทนไม่ไหว แขนขาชาอ่อนแรงไปแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าตัวเองเป็นโรคนี้หรือไม่ เพราะอาการปวดหลังบ่งบอกได้หลายโรค ถ้าคุณพ่อ คุณแม่พบว่าปวดหลังแล้วรับประทานยา 2-3 วัน หรือ 1 สัปดาห์ อาการยังไม่ดีขึ้น ควรรีบมาหาคุณหมอเพื่อวินิจฉัยโดยเร็ว
การตรวจวินิจฉัยโรคมี 3 วิธี คือ
- ตรวจด้วยเลือด อาจพบว่าเม็ดเลือดขาวมีจำนวนสูงขึ้น อัตราการนอนก้นของเม็ดเลือดแดงตกเร็วขึ้น มีอาการโลหิตจาง ถ้านำน้ำในข้อไปตรวจจะพบปริมาณน้ำตาลในน้ำจากข้อต่ำ
- ตรวจด้วยรังสี เพื่อดูว่ากระดูกสันหลังถูกทำลายหรือไม่ โก่งตัวหรือไม่ หมอนรองกระดูกแคบลงหรือไม่ เพราะนั่นเป็นสัญญาณของโรคนี้
- ตรวจด้วยซีทีสแกน หรือเอ็มอาร์ไอ เพื่อดูว่ามีหนอง หรือการทำลายกระดูกสันหลังหรือไม่ ไขสันหลัง และเส้นประสาทถูกกดทับหรือไม่
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่