หลักการเลือกซื้อ “ผ้าอนามัย” อย่างปลอดภัย
- เมื่อเลือกซื้อผ้าอนามัย อย่าลืมตรวจดูวันหมดอายุ ซึ่งหากผ้าอนามัยหมดประสิทธิภาพแล้วล่ะก็ ไม่ควรนำมาใส่เป็นอันขาดเลยเชียว เพราะอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองและเป็นอันตรายได้
- สังเกตลักษณะบรรจุภัณฑ์ว่าต้องปิดสนิท ไม่ดูดำเกรอะกรัง หรือได้กลิ่นอับชื้นโชยมาแต่ไกล
- เมื่อเปิดห่อใช้แล้ว ควรเก็บผ้าอนามัยที่เหลืออย่างมิดชิด เพื่อป้องกันฝุ่น และแมลง
- ไม่ควรใช้ผ้าอนามัยแต่ละชิ้นนานเกินควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าอนามัยแบบสอด อย่าลืมทิ้งไว้ในช่องคลอด เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายขึ้น เช่น เกิดกลุ่มอาการเป็นพิษ เนื่องจากได้รับสารพิษจากเชื้อแบคทีเรียพวกสตาฟีโลคอคคัส (Staphylococcus spp.) ซึ่งทำให้มีอาการปวดศีรษะ มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย
- หากใช้ผ้าอนามัยแล้วเกิดอาการผิดปกติ เช่น มีผื่น คัน หรือระคายเคือง ควรเปลี่ยนยี่ห้อ
3. หากมีปัญหาผดผื่นที่อวัยวะเพศควรรีบรักษา
ปัญหาผดผื่นที่เกิดจากผ้าอนามัยเป็นเรื่องที่สาว ๆ พบได้บ่อยที่สุด ซึ่งบ้างก็เกิดจากการแพ้ผ้าอนามัย หรือเกิดจากการหมักหมมของเชื้อโรค ดังนั้นถ้าหากมีผดผื่นขึ้น ควรรีบรักษาด้วยการทาครีมแอนตี้เซปติกเพื่อให้ผดผื่นลดลง นอกจากนี้หากเกิดจากการแพ้ผ้าอนามัยก็ควรเปลี่ยนยี่ห้อค่ะ หรือถ้าเกิดจากเชื้อแบคทีเรียก็ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ ค่ะ
- กรณีที่คุณแม่ๆ หรือคุรผู้หญิง เกิดผดหรือผื่นแพ้เพราะผ้าอนามัยนั้น คุณหมอ แพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ได้อธิบายว่าเป็นเพราะผ้าอนามัยประกอบไปด้วยสารต่างๆ ที่ทำให้อาการแพ้ได้
“ผ้าอนามัยมีสารต่างๆ ที่เราอาจจะแพ้ได้เยอะ ทั้งแถบกาว ซึ่งเป็นสิ่งที่คนแพ้ได้บ่อย อีกทั้งผ้าอนามัย ยังจะต้องผ่านกระบวนการทำให้สีของผ้าอนามัยเป็นสีขาว ดูสะอาดตา ซึ่งมันก็ต้องใช้สารเคมีในการกัดให้มันเป็นสีขาว และบางชนิดก็จะมีน้ำหอมใส่เข้าไปอีก เพื่อให้ผ้าอนามัยมีกลิ่นหอม ซึ่งตรงนั้นก็อาจจะทำให้เกิดการแพ้น้ำหอมได้อีก”
ซึ่งคุณหมอได้ให้แนวทางในการหลีกเลี่ยงและป้องกันไม่ให้เกิดผื่นคันใกล้น้องหนูมาด้วย โดยการเลี่ยงเปลี่ยนยี่ห้อผ้าอนามัย-งดขัดถูเกินควร ป้องกันผื่นลุกลาม “จุดสงวน”
4. ห่อผ้าอนามัยที่ใช้แล้วและทิ้งในถังขยะที่มิดชิด
ผ้าอนามัยที่ใช้แล้วเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคชั้นดี อีกทั้งยังทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ง่าย ดังนั้นทุกครั้งที่คุณผู้หญิงเปลี่ยนผ้าอนามัยไม่ควรทิ้งลงในชักโครก หรือทิ้งโดยไม่ได้ห่อให้มิดชิด ควรหากระดาษมาห่อให้เรียบร้อยและทิ้งในถังขยะที่มิดชิด เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย
5. พกผ้าอนามัยติดตัวไว้เสมอ
ไม่ว่าจะเป็นประจำเดือนหรือไม่ การพกผ้าอนามัยไว้ก่อนก็ถือว่าเป็นวิธีที่ควรทำอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่วงที่เป็นประจำเดือน ยิ่งควรพกผ้าอนามัยไว้ให้เพียงพอต่อการเปลี่ยนในแต่ละวัน เพื่อสุขอนามัยที่ดีค่ะ
ได้ทราบถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใส่ผ้าอนามัย แถมยังได้เห็นถึงอันตรายจากการสวมใส่ผ้าอนามัยนาน ๆ แบบนี้แล้ว คงจะพอทำให้คุณสาว ๆ หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพจุดซ่อนเร้นกันมากขึ้นนะคะ เพราะปัญหาสุขภาพจากจุดซ่อนเร้นไม่ได้มีแค่เพียงมะเร็งปากมดลูก แต่ยังมีโรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ที่อันตรายอีกมากมาย ป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่ามาตามแก้ทีหลังนะคะ
♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦♦
ดังนั้นสรุปได้ว่า การไม่เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ หรือ ใส่ผ้าอนามัยนาน ๆ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกเลย เพียงแต่การใช้ผ้าอนามัยแผ่นเดียวซ้ำไปทั้งวัน ก็อาจทำให้เกิดการอับชื้น ไม่สะอาดเท่าที่ควร ดังนั้นเราจึงควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกๆ 4-6 ชั่วโมง หรือตามปริมาณประจำเดือนที่มี ในวันมามากอาจจะเปลี่ยนบ่อยกว่าวันที่กำลังจะหมด
โดยเฉพาะกับผ้าอนามัยแบบสอดต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ อาจเกิดอาการเป็นพิษ เนื่องจากได้รับสารพิษจากเชื้อแบคทีเรียพวกสตาฟีโลคอคคัส ทำให้เกิดอากาศปวดศีรษะ มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เรียกกลุ่มอาการนี้ว่า ทอกซิค ชอคซินโดรม และเมื่อเกิดอาการผิดปกติเช่น แพ้ คัน หรือเกิดการระคายเคือง ควรเปลี่ยนใช้ยี่ห้ออื่น
และควรทำความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นให้ดีอยู่เสมอ และใครที่ใช้ผ้าอนามัยแบบสอด ควรตัดเล็บให้สั้น ตะไบเล็บไม่ให้คม เพื่อหลีกเลี่ยงรอยขีดข่วนที่จุดซ่อนเร้นขณะใส่ และไม่ควรใส่ขณะนอนหลับ
อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!
- มะเร็งรังไข่ ภัยร้ายเงียบ ทำผู้หญิงเสียชีวิตมากกว่ารอด
- 9 อาหารช่วยลดความเสี่ยงการเกิด มะเร็งปากมดลูก
- อาการมะเร็งเต้านม กับความผิดปกติของเต้านมที่แม่ควรรู้!!
- 5 มะเร็งในผู้หญิง ที่เสี่ยงเป็นกันมาก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ทวิตเตอร์ @thidakarn , ศูนย์ข้อมูลวัตถุอันตราย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ , health.kapook.com , www.sanook.com , www.vcharkarn.com