ลูกแพ้อาหาร มีอาการอย่างไร ?
อาการของการแพ้อาหารในเด็ก สามารถเกิดขึ้นได้ทุกระบบของร่างกาย ซึ่งที่พบบ่อย คือ อาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น คันปาก อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย ส่วนที่ 2 คืออาการทางผิวหนัง เช่น ผื่นคัน ลมพิษ และอาการทางระบบหายใจ คือ จาม มีน้ำมูก ไอ หอบ และแน่นหน้าอก ในบางรายอาการแพ้อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
8 วิธี ป้องกันลูกแพ้อาหาร
เพราะการแพ้อาหารไม่ใช่เรื่องล้อเล่น และมีหลายคนที่ยังไม่เข้าใจถึงอันตรายจากการแพ้อาหาร ซึ่ง ดังนั้นเพื่อ ป้องกันลูกแพ้อาหาร หรือ อันตรายจากการกินอาหารที่อาจก่อให้เกิดการแพ้ จึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งพ่อแม่สามารถทำได้ดังนี้
1. ต้องให้ลูกกินนมแม่อย่างน้อย 4-6 เดือนขึ้นไป ซึ่งนอกจากนมแม่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกได้แล้ว ยังสามารถป้องกันการเกิดโรคภูมิแพ้ได้อีกด้วย
2. สำหรับคุณแม่ที่ให้นมลูก ควรงดอาหารที่เป็นสาเหตุของการแพ้บ่อยๆ เช่น ไข่ นมวัว อาหารทะเล ถั่วลิสงในช่วงระยะที่ให้นม
3. การให้อาหารเสริมกับลูก ควรเริ่มเมื่ออายุ 6 เดือนขึ้นไป และต้องค่อยๆ ให้ลูกเริ่มทีละอย่าง เช่น กินไข่แดงก่อนไข่ขาว เพราะไข่ขาวมีโปรตีนสูง อาจทำให้ลูกแพ้ได้ หรือควรกินปลาน้ำจืดก่อนปลาทะเล เป็นต้น
4. เลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดการแพ้ โดยเฉพาะช่วงที่ตั้งครรภ์ คุณแม่ควรกินอาหารที่มีประโยชน์ หลากหลาย เลี่ยงการโด๊ป หรือกินอาหารซ้ำๆ โดยเฉพาะอาหารที่มีโอกาสทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ง่ายมากเกินไป เช่น ผลิตภัณฑ์จากนม นมวัว ไข่ อาหารทะเล ถั่วลิสง ช็อกโกแลต และแป้งสาลี เป็นต้น เพราะอาหารเหล่านี้อาจทำให้ลูกได้สัมผัสกับสิ่งก่อภูมิแพ้เร็วเกินไป
Must read : เตือนจากแม่ถึงแม่!! ลูกแพ้อาหาร เพราะแม่ท้องโด๊ปอาหารกลุ่มเสี่ยงมากเกินไป
5. อ่านฉลากอาหารให้ดี และควรหลีกเลี่ยงขนม อาหารเสริม หรืออาหารนอกบ้านหากไม่แน่ใจในวัตถุดิบที่ใช้ปรุง
6. ทำข้าวให้ลูกกินเอง เพราะคุณแม่จะรู้ดีว่าลูกแพ้อะไร และสามารถกินอะไรได้บ้าง ซึ่งหากจำเป็นจะต้องเินทางไปไหนมาไหน คุณแม่ก็ควรจะทำอาหารเตรียมพร้อมไปไว้ให้ลูกด้วย
Must read : 7 เมนูอาหารและขนม สำหรับเด็กแพ้อาหาร
7. หากลูกโตจนเข้าเรียนแล้ว ให้แจ้งคุณครูที่โรงเรียน พร้อมแนบเอกสารทางการแพทย์ยืนยันว่าลูกแพ้อาหารอะไรบ้าง เพื่อให้ช่วยสอดส่องดูแลให้ หรืออาจจะต้องปักรายการอาหารที่ลูกแพ้ไว้ที่ผ้ากันเปื้อนหรือกระเป๋าด้วยก็เป็นอีกทางที่ช่วย ป้องกันลูกแพ้อาหาร ได้
8. พาลูกไปทำสกินเทสต์ SkinTest หรือ การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง เป็นอีกหนึ่งวิธี ป้องกันลูกแพ้อาหาร เพราะจะช่วยในการหาชนิดของอาหารที่เป็นสาเหตุของการแพ้ด้วยโดยทั่วไปสามารถทดสอบได้ทุกเพศทุกวัยแต่ในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 6 เดือน (อ่านเพิ่มเติม ข้อสรุปสำหรับพ่อแม่ เรื่องการแพ้อาหารในเด็ก คลิก!!) ทั้งนี้การทดสอบอาการแพ้ทางผิวหนังประกอบด้วย การทดสอบ 3 ประเภท ดังนี้
- การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังด้วยการสะกิดผิว
แพทย์จะใช้สารก่อภูมิแพ้ที่เลือกไว้ ทาลงบนผิวหนัง แล้วมีการสะกิดเอาผิวหนังออก เพื่อให้สารเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกาย วิธีนี้เป็นการตรวจที่รวดเร็ว ใช้เวลาประมาณ 20 นาที หากพบว่าผิวหนังเกิดผื่นแดง และมีอาการคัน หมายความว่า ผู้เข้ารับการตรวจมีอาการแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดนั้น
- การทดสอบภูมิแพ้โดยการฉีดเข้าผิวหนัง
ในการทดสอบประเภทนี้ สารก่อภูมิแพ้จะถูกฉีดเข้าผิวหนัง การทดสอบประเภทนี้ เป็นการทดสอบที่ละเอียดอ่อนกว่า การทดสอบโดยการสะกิดผิว แต่เหมาะกับผู้ที่ไม่เกิดอาการแพ้ ต่อสารก่อภูมิแพ้ที่เลือกฉีดเข้าไป
- การทดสอบภูมิแพ้ด้วยแผ่นปิดผิว
การทดสอบประเภทนี้ มักใช้สำหรับอาการภูมิแพ้สัมผัสที่บริเวณผิวหนัง โดยบริเวณที่ถูกทดสอบจะได้รับการตรวจ 2-3 วันหลังจากมีการใช้แผ่นปิดผิว หรือประมาณ 24 – 72 ชั่วโมง อาการที่แสดงว่าแพ้ คือผิวบริเวณนั้นจะแดงหรือมีตุ่มขึ้น
ทั้งนี้การรักษา หรือ ป้องกันลูกแพ้อาหาร ที่ดีที่สุดและได้ผล คือการหลีกเลี่ยงหรืองดอาหารที่แพ้ โดยต้องงดอาหารทุกชนิดที่มีส่วนประกอบของสารอาหารที่แพ้ เช่น แพ้นมวัว ก็งดอาหารที่มีนมเป็นส่วนประกอบอย่างไอศครีม หรือคุ้กกี้ และให้กินนมถั่วเหลืองหรือนมสูตรพิเศษสำหรับผู้ที่แพ้นมวัวแทน ส่วนการรักษาด้วยยา เป็นการรักษาตามอาการ เช่น ยารักษาอาการผื่นคัน ยาลดน้ำมูก ยาแก้อาการหอบ แน่นหน้าอก เป็นต้น
อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก :
- ลูกแพ้อาหาร เพราะแม่กิน อาหารกลุ่มเสี่ยง มากเกินไป
- ทดสอบการหายแพ้ของลูกน้อยเอง ระวังช็อกตาย
- ตรวจหาภูมิแพ้นมวัวทำได้หลายวิธี
- สังเกตอาการ แพ้อาหาร
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : www.vejthani.com , www.vibhavadi.com , www.sanook.com
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่