โปรดเข้าใจ! การ หอมแก้มเด็ก อาจส่งผลให้เด็กติด 2 โรคร้ายโดยไม่รู้ตัว
หลังจากที่เฟซบุ๊คแฟนเพจแหม่มโพธิ์ดำ ได้ออกมาโพสต์เรื่องราวของเพื่อนบ้านคนหนึ่งที่ดราม่าโพสต์ต่อว่าคุณแม่ที่มีลูกเล็กเพียง 6 เดือนผ่านสื่อโซเชียลประมาณว่า อนามัยจัดเว่อร์ คนป่วยไม่ใช่ลูกแต่เป็นแม่ต่างหากที่วิตกจริต หวาดระแวงเกินไป!!
สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนเห็นมุมมองบางอย่างว่า ยังมีบางกลุ่มคนที่ไม่เข้าใจถึงความรักและความหวังดีของแม่และคิดว่า สิ่งที่แม่ทำไปนั้นเป็นเพราะแม่คิดมากไปเอง แท้จริงแล้วใครจะรู้ละว่า ที่แม่ทำไปนั้นเพราะเป็นการป้องกันแล้วไม่อยากให้ลูกเป็นอะไร เวลาที่ลูกไม่สบายมันเหนื่อย มันทรมานแล้วก็เครียด หากพวกเขาเหล่านั้นเข้าใจ เขาจะรู้เลยว่าแม่ทุกคนเป็นแบบนี้หมด เพราะพวกเรารู้ดีว่า อะไรก็เกิดขึ้นก็ได้ เราไม่มีทางรู้เลยว่า เมื่อไหร่ และใครที่จะเป็นพาหะนำเชื้อโรคมาสู่ลูกของเรา
หลาย ๆ ครั้งที่เรามักจะได้ยินข่าวคราวการเจ็บป่วยของเด็ก ๆ ผ่านจากการสัมผัสไม่ว่าจะเป็นการจูบหรือว่าการหอม
อ่านต่อ: อันตรายมาก! ปล่อยคนหอมแก้มลูกน้อย เด็กเสี่ยงติดเชื้อถึงชีวิต
อ่านต่อ: แม่แชร์! ลูกเป็น” โรคเริม ” เพราะสัมผัสของใครบางคน!
และในวันนี้ทีมงาน Amarin Baby and Kids จะขอนำเสนอโรคต่าง ๆ ที่มาจากการสัมผัส ยกตัวอย่างเช่น โรคเริมและ RSV เป็นต้น
เครดิต: PPTV และ แหม่มโพธิ์ดำ
โรคใดบ้างที่ ลูกติดเชื้อ ได้จากการสัมผัส
โรคเริม
เริม เป็นโรคติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งของผิวหนัง และเยื่อเมือกต่าง ๆ ทำให้มีลักษณะพุขึ้นเป็นตุ่มใสเล็ก ๆ แล้วแตกเป็นแผล ตกสะเก็ต ซึ่งหายได้เองแต่มักกำเริบซ้ำและเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำอย่างเด็ก ๆ นัั้นมักจะพบได้บ่อยและอาการรุนแรงกว่าปกติ และเชื้อสามารถแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดแล้วกระจายไปยังอวัยวะต่าง ๆ อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
โรคนี้เป็นโรคติดต่อที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะคนในวัยหนุ่มสาวและวัยผู้ใหญ่ ทั้งผู้ใหญ่และผู้ชายนั้นมีอาการเป็นโรคนี้ได้เท่ากัน และการติดเชื้อนั้นมักเกิดขึ้นกับวัยเด็กเสียเป็นส่วนใหญ่ สูงสุดจะเกิดในเด็กระหว่างอายุ 6 เดือนจนถึง 3 ปี
ติดต่อได้โดยการสัมผัสโดยตรงกับผู้ที่เป็นโรค ซึ่งอาจแสดงอาการหรือไม่แสดงอาการก็ได้ ผ่านทางรอยถลอกของผิวหนังหรือทางเยื่อเมือก (เช่น เยื่อบุตา ช่องปาก องคชาต ช่องคลอด ปากมดลูก ทวารหนัก) จากน้ำลายหรือสิ่งคัดหลั่ง รวมไปถึงจากการใช้ของใช้ร่วมกัน การกิน การจูบ หรือจากมือติดโรคแล้วป้ายเข้าตา ดังนั้น ผู้ที่คลุกคลีอยู่ใกล้ชิดกัน เช่น สามีภรรยา สมาชิกในครอบครัว เด็กในโรงเรียนหรือในสถานรับเลี้ยงเด็ก จะมีโอกาสติดเชื้อเริมได้ง่าย
กว่าที่จะแสดงอาการติดเชื้อนั้นจะใช้เวลาประมาณ 2 – 20 วัน เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายและฝังอยู่ในชั้นผิวหนัง ก็จะเริ่มแบ่งตัวทำให้เกิดอาการบวมเป็นตุ่มน้ำและเกิดการอักเสบ แต่พอหายจากโรคแล้ว เชื้อเริมจะเข้าไปหลบซ่อนที่ปมประสาทในบริเวณใต้ผิวหนังหรือเยื่อบุและแฝงตัวอยู่อย่างสงบ โดยไม่มีการแบ่งตัว (เชื้อจะอยู่ในตัวตลอดชีวิตในปมประสาท เพื่อรอให้มีปัจจัยต่าง ๆ มากระตุ้นแล้วจึงแสดงอาการ) แต่เมื่อมีปัจจัยมากระตุ้น เช่น เป็นไข้ ถูกแดดจัด ร่างกายอิดโรย เกิดความวิตกกังวล มีอารมณ์เครียด มีประจำเดือน มีการตั้งครรภ์ ได้รับบาดเจ็บหรือผ่าตัดบริเวณใบหน้า การทำฟัน ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำ เป็นต้น เชื้อเริมที่แฝงอยู่ตัวอยู่ขณะนั้นจะเกิดการแบ่งตัวเจริญเติบโตเกิดการปลุกฤทธิ์คืน ทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำ