น้องจั่นเจา ทำการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชจังหวัดนครศรีธรรมราชอยู่ 6 วัน อาจการไม่ดีขึ้นเลย และมีอาการอย่างอื่นแทรกซ้อน เช่น ปัสสาวะเองไม่ได้เนื่องจากไตทำงานผิดปกติต้องให้ยาเพื่อขับปัสสาวะออกมา เกลือแร่ในร่างกายต่ำต้องให้เกลือแร่ อุณหภูมิในร่างกายไม่คงที่ขึ้นๆ ลงๆ แต่คุณหมอก็ทำการรักษาอย่างเต็มที่ด้วยอาการทรงๆ ทุกวัน
4 เมษายน 2561
ช่วง 9 โมงเช้า คุณหมอเรียกคุณพ่อและคุณแม่ไปคุยเรื่องอาการของน้อง คุณหมอบอกว่า น้องอาการหนัก เพราะช็อก ความดันวัดไม่ได้เลย จากเดิมที่ความดันปกติ คุณหมอให้ยากระตุ้นความดัน และยาตัวอื่นๆ เพื่อรักษาอาการของน้อง ให้ส่วนประกอบของเลือดเนื่องจากเม็ดเลือดน้องมีปัญหาจากการติดเชื้อขั้นรุนแรง และต้องทำการผ่าตัดเส้นเลือดตรงขาอเพื่อให้ยาทางเส้นเลือด แต่ครั้งนี้คุณหมอบอกว่า พ่อกับแม่ทำใจไว้ให้เยอะๆ เพราะโอกาสที่น้องจะอยู่กับเรามีน้อยมาก และบอกให้คุณพ่อคุณแม่รออยู่ด้านนอก
เวลาประมาณเที่ยงกว่าๆ คุณหมอเรียกคุณพ่อคุณแม่ไปพบอีกครั้ง แจ้งอาการว่าความดันน้องวัดค่าไม่ได้เลย คุณแม่หันไปมองน้อง สังเกตเห็นปากน้องเริ่มเขียว แต่คุณหมอจะทำการรักษาต่อ
จนกระทั่งถึงเวลาเยี่ยม 14.00-15.00 น. น้องอาการไม่ดีขึ้น คุณหมอเรียกมาคุยอีกครั้ง พร้อมกับบอกว่า ความดันน้องวัดค่าไม่ได้ หัวใจน้องเริ่มเต้นช้าลง ถ้ากรณีหัวใจน้องหยุดเต้น คุณพ่อกับคุณแม่จะให้ปั๊มหัวใจหรือไม่ คุณพ่อคุณแม่จึงตัดสินใจว่าไหนๆ ก็รักษามาถึงขนาดนี้แล้วก็ขอให้รักษาไปจนสุด คุณหมอจึงทำการปั๊มหัวใจน้องอีกรอบ
เวลา 15.30 น. น้องหายใจช้าลงจนคุณหมอต้องปั๊มหัวใจ แต่น้องก็ไม่สามารถหายใจได้แล้ว คุณพ่อกับคุณแม่จึงตัดสินใจบอกให้คุณหมอหยุดการปั๊มหัวใจ จนน้องจากไปอย่างสงบ
ถึงแม้ว่าในวันนี้คุณแม่จะยังทำใจไม่ได้ แต่คุณแม่ก็อยากจะบอกเล่าเรื่องราวให้กับทุกคนไว้เป็นอุทาหรณ์ และด้วยความหวังว่าผลบุญกุศลในครั้งนี้จะถ่ายทอดไปยังเทวดาตัวน้อยของแม่ได้
ทีมงาน Amarin Baby and Kids ขอขอบพระคุณคุณแม่ Junjira ครอบครัวตัว จ มาก ๆ นะคะ ที่อนุญาตให้ทีมงานนำเรื่องราวนี้มาเผยแพร่ และทีมงานก็ขอเป็นส่วนหนึ่งในการมอบกำลังใจให้กับทั้งคุณพ่อและคุณแม่ได้มีกำลังใจที่จะสู้ต่อไปค่ะ ขอขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ
คุณพ่อคุณแม่คะ เมื่อไหร่ก็ตามที่พบว่า ลูกไอมาก ไอจนถึงขั้นตัวงอ สีของใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวละก็ อย่ารอช้านะคะ รีบนำพาตัวลูกส่งโรงพยาบาลโดยทันที เพราะอาการที่ว่า อาจเป็นสัญญาณบอกว่า ลูกอาจจะเป็นโรคปอดบวมได้ค่ะ และเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทีมงานขออนุญาตนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับโรคปอดบวมที่ว่านี้ให้ทราบเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ
ลูกไอมากผิดปกติ สัญญาณเสี่ยงของการเป็นโรคปอดอักเสบ
โรคปอดอักเสบและโรคปอดบวม มีความหมายคล้ายคลึงกันมากจนใช้เรียกแทนกันได้ แต่นิยมเรียกโรคปอดอักเสบมากกว่า โดยโรคปอดอักเสบนั้น เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่พบมากในเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี และเป็นสาเหตุการตายในเด็กที่สูงถึง 1.6 ล้านคนต่อปี จากจำนวนผู้ป่วย 156 ล้านคนต่อปีทั่วโลก ปัจจัยสำคัญของการเกิดโรค นั้นมีด้วยกัน 3 ข้อดังนี้ค่ะ
- จากตัวเด็กเอง:จากข้อมูลของหน่วยระบบหายใจและไอซียู สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ทำให้ทราบว่า โรคปอดบวมคือโรคที่อยู่ในกลุ่มอาการไข้หวัด และปอดบวม และสำหรับโรคปอดบวมมักจะเกิดขึ้นตามหลังอาการไข้หวัด ที่เรียกว่า หวัดลงปอดนั้น สามารถพบได้บ่อยกับเด็กในช่วงอายุ 3 เดือน – 2 ขวบ นอกเหนือจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากการที่ลูกได้รับการฉีดวัคซีนไม่ครบ ยกตัวอย่างเช่น วัคซีนโรคไอกรน วัคซีนโรคหัด วัคซีนโรคฮิบ อีกทั้งไม่ได้กินนมแม่ และมีความผิดปกติของทางเดินหายใจ เป็นต้น
- สิ่งแวดล้อม:ยกตัวอย่างเช่น การอยู่ในสถานที่ที่แออัด อาการถ่ายเทได้ไม่สะดวก หรือที่บ้านมีฝุ่นละอองเยอะ รวมถึงมีสมาชิกในบ้านสูบบุหรี่เป็นประจำ เป็นต้น
- เชื้อโรค:อาจมีการระบาดของเชื้อโรคบางชนิด และได้รับการติดเชื้อนั้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคไข้หวัดใหญ่
อาการที่พบ
- อาการเริ่มต้น: ลูกเริ่มมีไข้ อาการโดยทั่วไปคล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่ และพบว่า ลูกไอมาก หอบเหนื่อย หน้าอกกระเพื่อม แพทย์ฟังปอดแล้วได้ยินเสียง “กร๊อบแกร๊บ” ในปอด
- อาการระยะปอด: ลูกไอมาก กว่าเดิม มีไข้สูง อ่อนเพลีย ซึม คุณหมอเอ็กซเรย์แล้วพบว่า ปอดเป็นรอยฝ้าขาวผิดปกติ เป็นต้น
วิธีการป้องกันที่ดีที่สุดก็คือ ให้ลูกดื่มนมแม่ให้นานที่สุด หลีกเลี่ยงการพาลูกไปยังสถานที่ที่มีคนเยอะหรือมีอากาศถ่ายเทไม่สะดวก พาลูกไปฉีดวัคซีนให้ครบอย่าได้ขาด และที่สำคัญ พยายามให้ลูกอยู่ห่างกับคนที่สูบบุหรี่ค่ะ เพราะควันบุหรี่ หรือละอองควันที่ติดอยู่บนเสื้อผา ผม หรือนิ้วมือนั้น ก็สามารถส่งผลกระทบกับลูกได้แล้ว
คุณพ่อคุณแม่ เมื่อไรก็ตามที่เริ่มสังเกตว่า ลูกไอมาก แสดงท่าทีหอบเหนื่อย หรืออ่อนเพลีย มีไข้สูง อาเจียน อย่ารอช้าโดยเด็ดขาดค่ะ เพราะนั่นคือสัญญาณที่กำลังบอกว่า ลูกอาจเป็นโรคปอดอักเสบหรือปอดบวมก็เป็นได้ ดังนั้นอย่ารอช้าค่ะ ให้รีบนำลูกส่งโรงพยาบาลโดยทันที
ขอบคุณที่มา: Haarmor
อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่