2. ห้ามให้ยาหยุดถ่ายในเด็ก
สำหรับเด็กที่มีอาการท้องเสีย คุณพ่อคุณแม่ต้องห้ามให้อย่าหยุดถ่ายแก่ลูกน้อย เพราะนั่นจะทำให้เชื้อโรคคลั่งในร่างกายจนเป็นอันตรายหรือจะมีอาการปวดมวนท้องมากขึ้น และควรพาลูกพบหมอ เมื่อลูกมีอาการดังนี้
- ลูกยังอาเจียนอยู่ทั้งที่กินยาแก้อาเจียนแล้ว
- ไม่อาเจียนแล้ว แต่ก็กินอะไรไม่ได้เลย ซึมลง อ่อนเพลียมาก
- มีอาการของการขาดน้ำและปัสสาวะออกน้อย
- ถ่ายอุจจาระมีมูกเลือดหรือกลิ่นแรงเหม็นคาว
- หากถ่ายรุนแรงมาก เป็นน้ำตลอดเวลา ควรนำอุจจาระไปโรงพยาบาลด้วยเพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการและเพาะเชื้อ
บทความแนะนำต้องอ่าน ----------> เด็กท้องเสีย อาเจียน เพราะโนโรไวรัสระบาด
บทความแนะนำต้องอ่าน ----------> ลูกท้องเสียเพราะ ยืดตัว จริงหรือ?
3. ห้ามซื้อยาปฏิชีวนะให้ลูกทานเอง
หากลูกมีอาการป่วย เป็นหวัด คออักเสบ ควรพาไปพบแพทย์ ซึ่งแพทย์ก็อาจพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะถ้าลูกเจ็บคอเล็กน้อย ไม่อยากให้ซื้อยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อมาใช้เอง หากทำได้จะช่วยลดการใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น ลดโอกาสการติดเชื้อดื้อยาลงไปได้
บทความแนะนำต้องอ่าน ----------> แม่ระวัง! ยาแก้ไอผสม โคเดอีน อันตรายเสี่ยงลูกเสียชีวิต
4. ห้ามใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นจัดประคบ
เมื่อลูกน้อยถูกน้ำร้อนลวก อาจทำให้บาดแผลลึกมากขึ้นได้ ไม่ควรใส่ตัวยา/สารใด ๆ ทาลงบนบาดแผล ถ้าไม่แน่ใจในสรรพคุณที่ถูกต้องของยาชนิดนั้น โดยเฉพาะ”ยาสีฟัน” “น้ำปลา” เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อบาดแผล เพิ่มโอกาสการเกิดบาดแผลติดเชื้อ และทำให้รักษาได้ยากขึ้นห้ามใช้ยาสีฟันหรือครีมอื่นใดชะโลมบนแผล เพราะอาจทำให้แผลมีโอกาสติดเชื้อมากขึ้น และห้ามนำลูกไปแช่ในอ่างน้ำเย็น เพราะอาจทำให้ลูกช็อกหมดสติ ถึงเสียชีวิตได้
- หากเกิดการบาดเจ็บเฉียบพลันร่วมกับมีการบวม ให้บรรเทาอาการด้วยความเย็น เพราะความเย็นจะทำให้เส้นเลือดหดตัว ทำให้เลือดออกน้อย และเป็นการช่วยลดบวมของอาการบาดเจ็บ
- หากเป็นอาการปวดแบบเป็นๆ หายๆ เป็นมานานหรือเรื้อรัง มีการปวดร่วมกับมีอาการตึงกล้ามเนื้อ ให้บรรเทาอาการด้วยความร้อน เพราะความร้อนจะทำให้หลอดเลือดขยายตัว การไหลเวียนเลือดดีขึ้นจึงลดอาการปวดและตึงกล้ามเนื้อได้ดี
บทความแนะนำต้องอ่าน ----------> ประคบร้อน ประคบเย็น จะรู้ได้อย่างไรว่าต้องทำตอนไหน?
5. ห้ามทำให้อาเจียน
หากลูกเผลอดื่มกินผลิตภัณฑ์ที่เป็นน้ำซึ่งใช้ในบ้านและโรงงานอุตสาหกรรม ห้ามทำให้ลูกอาเจียน หากไม่ทราบว่าสารพิษนั้นมีอันตรายแค่ไหน เพราะถ้าลูกอาเจียนออกมาทันที หลอดลม หลอดอาหาร อาจะได้รับบาดเจ็บไปด้วย ควรให้ลูกกินนม หรือน้ำเปล่า และรีบพาลูกไปหาหมอค่ะ
แต่หากพบว่าอยู่ดี ๆ ลูกอาเจียนหนัก อาจเกิดจากการแพ้อาหาร ควรป้อนของเหลวที่ละน้อยๆ ถ้าลูกอาเจียน ควรให้รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย โดยให้ทีละน้อย บ่อยๆ ระมัดระวังไม่ให้ขาดน้ำ และควรให้น้ำเกลือแร่ ORS เพื่อทดแทนเกลือแร่ที่เสียไปกับอาเจียน โดยให้จิบทีละน้อย แต่บ่อยๆ ที่สำคัญไม่ควรนอนราบ ควรนอนเอนตัว เพื่อป้องกันการสำ ลักอาหารจากอาเจียนเข้าหลอดลม และปอด
บทความแนะนำต้องอ่าน ----------> 7 เรื่องควรรู้ ลูกถ่ายเหลว หรือ อาเจียน
6. ห้ามล้วงของจากคอ
เมื่อของติดคอลูก หากเอามือล้วงออกมา อาจทำให้ของนั้นติดลึกเข้าไปอีก หากจะใช้นิ้วล้วงออกมา ต้องแน่ใจจริงๆว่าสามารถล้วงออกมาได้ หรือใช้วิธีจับเด็กก้มต่ำ และใช้มือกระแทกด้านหลังแรงๆ สิ่งที่ติดคออยู่จะหลุดออกมา
7. ห้ามเงยหน้าเมื่อมีเลือดกำเดา
เมื่อลูกเกิดมีลูกกำเดาไหล คุณพ่อคุณแม่ห้ามจับลูกเงยหน้าหรือเอนตัวลงนอน แต่ให้นั่งหลังตรง (การนั่งหลังตรงจะช่วยบังคับให้ปริมาณและความแรงของเลือดลดลงเพราะศีรษะอยู่สูง) และก้มหน้าลงเล็กน้อย (เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลลงคอ ซึ่งจะทำให้ระคายเคืองและสำลักเลือด เลือดจะออกมากขึ้น และเลือดอาจเข้าไปในปอดก่อให้เกิดปอดอักเสบตามมาได้) หรือทำตามขั้นตอนง่ายๆ คือ “บีบจมูก นั่งหลังตรง ก้มหน้าเล็กน้อย อ้าปากหายใจ”
บทความแนะนำต้องอ่าน ----------> หนูน้อย 2 ขวบ เสียชีวิตเพราะเลือดกำเดาไหล
8. ห้ามพาลูกไปฉีดวัคซีนเมื่อลูกป่วย
เมื่อถึงเวลาที่ต้องพาลูกไปรับวัคซีน แต่ลูกกำลังไม่สบาย ตัวร้อน มีไข้ขึ้นสูง ควรจะเลื่อนการฉีดวัคซีนไปก่อนจนกว่าจะหายดี ไม่ต้องกังวลว่า ถ้าเลื่อนกำหนดไปเล็กน้อยแล้ววัคซีนจะไม่มีประสิทธิภาพหรือต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด แต่ถ้าลูกแค่เป็นหวัด ไม่ถึงกับเป็นไข้ตัวร้อนจัดก็สามารถจะพาไปรับวัคซีนได้ตามกำหนด
บทความแนะนำต้องอ่าน ----------> พาลูกไปฉีดวัคซีน เรื่องความสะอาดที่คุณแม่ต้องระวัง
9. ห้ามเอานิ้วล้วงคอลูก
หากลูกชักจากไข้สูงดูแลอย่าให้สำลักหรือหยุดหายใจ ไม่เอานิ้วล้วงคอเพราะจะยิ่งกระตุ้นให้หยุดหายใจ เมื่อหยุดชักแล้วเช็ดตัวลูก ให้กินยา รอให้ไข้ลดแล้วค่อยพาไปหาหมอก็ได้ เพื่อตรวจวินิจฉัยว่าลูกชักจากไข้สูงหรือจากการติดเชื้อในสมอง หากติดเชื้อในสมองต้องรักษาทันที
บทความแนะนำต้องอ่าน ----------> ลูกเป็นไข้แล้วชัก อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต พ่อแม่ต้องระวัง
บทความแนะนำต้องอ่าน ----------> เมื่อลูกทารกชัก เรื่องใหญ่ที่พ่อแม่ควรรู้
และหากลูกป่วยควรให้หยุดเรียน เรื่องนี้นอกจากเพื่อตัวลูกเองแล้ว ยังถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย เพราะโรงเรียนไม่ได้มีแค่ลูกเรา แต่มีลูกคนอื่นด้วย ควรหยุดเพื่อจะได้ไม่ไปแพร่เชื้อให้คนอื่น เมื่อลูกได้พักที่บ้านก็จะได้พักผ่อน กินได้ นอนได้และไม่ต้องไปรับเชื้ออื่นๆ ซ้ำเติมอีกด้วย
ที่สำคัญหากลูกได้รับบาดเจ็บ หรือมีอาการเจ็บป่วย คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรไปเปรียบเทียบลูกเรากับลูกคนอื่น เพราะการใช้ชีวิต ความแข็งแรงของร่างกาย และสภาพแวดล้อมของเด็กแต่ละคนต่างกัน การเจ็บป่วยแม้มีสาเหตุจากเชื้อเดียวกัน อาการก็อาจหนักเบาแตกต่างกัน ในเวลาที่ลูกเราป่วยควรยึดถืออาการของลูกเราเป็นสำคัญ การดูแลเอาใจใส่จากเราจะทำให้การรักษาได้ผลดีที่สุด
ทั้งนี้เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ต้องตั้งสติก่อนเสมอแล้วคุณแม่จะสามารถจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างดีและลูกได้รับความเสียหายน้อยที่สุด ถ้าจะให้ดี ควรดูแลลูกน้อยอย่างใกล้ชิด จัดสิ่งแวดล้อมภายในบ้านให้ปลอดภัยเพื่อลดการสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น
การปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธีนั้น เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยทุกๆครั้งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยที่รุนแรงหรือการเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะ”การหมดสติ”นั้น เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะจะสามารถนำไปสู่การเสียชีวิตได้ ดังนั้นพ่อแม่ หรือผู้ให้การปฐมพยาบาล จึงต้องปฏิบัติกับลูกน้อยผู้เจ็บป่วยอย่างถูกวิธีและรวดเร็วทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น
4 ข้อเท็จจริง เมื่อลูกเจ็บป่วย
- เชื่อสัญชาตญาณตัวเอง หลายครั้งที่พ่อแม่ไม่แน่ใจว่าเมื่อไรที่ควรพาลูกไปหาหมอ มีคุณหมอแนะนำว่า ”การดูแลลูกโดยเฉพาะลูกเล็ก พ่อแม่ควรทำใจให้สบายสนุกกับลูก ไม่เครียด ตื่นตัว ใส่ใจ สังเกตสม่ำเสมอ เพื่อรับรู้ว่าลูกแสดงออกอย่างไร” ถ้าคุณเอะใจว่าลูกอาการไม่ค่อยดี นั่นแหละคือเวลาที่ต้องพาไปหาหมอทันที
- คำว่า อาการไม่ค่อยดี หมายถึงพฤติกรรมเปลี่ยนไป จากที่เคยทำบางอย่างทุกวันหรือประจำแต่วันนี้ไม่ยอมทำ เท่านั้นก็เรียกว่าอาการเปลี่ยนไปแล้ว ควรหาสาเหตุว่าลูกเป็นอะไรและพาไปพบหมอทันที
- สนุกกับการสังเกตลูกตามจริงรายละเอียดจะช่วยให้หมอวินิจฉัยโรคได้ถูกต้อง เพราะพ่อแม่เท่านั้นที่อยู่กับลูกทุกวันเวลาพามาตรวจหมอได้เห็นเด็กแค่ 5-10 นาที ไม่มีทางจะเข้าใจได้หมดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พ่อแม่ก็ไม่ควรเพ่งสังเกตจนวิตกกังวลมากไปเพราะมีส่วนทำให้เล่าอาการผิดพลาดได้เหมือนกัน ควรสังเกตและสนุกกับการสังเกตลูกของเราตามจริง
- เรียนรู้จากลูก ไม่มีสูตรตายตัว การเลี้ยงลูกไปตามธรรมชาติ ทำความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับลูก พ่อแม่จะไม่เครียด การเข้าถึงข้อมูลง่ายเป็นเรื่องดี แต่ไม่ต้องเครียดว่าลูกโตไม่ตรงตามพัฒนาการ ไม่ตรงตามตำราต้องเข้าใจว่าลูกเราไม่เหมือนใครในโลก เด็กทุกคนมีความแตกต่าง คุณหมอหรือตำราให้คำแนะนำได้ในระดับหนึ่ง แต่สุดท้ายมีแต่พ่อแม่เท่านั้นที่รู้ว่าลูกเป็นอย่างไร เราเรียนรู้จากลูก ไม่มีสูตรตายตัว เรามีหน้าที่เพียงช่วยลูกเตรียมพร้อมด้วยการพาไปฉีดวัคซีนที่จำเป็นและดูแลสุขภาพโดยรวมเท่านั้น
- ลูกป่วยคือเวลานาทีทองคนที่อยู่ ดูแลลูกอย่างใกล้ชิดจะเป็นคนที่ลูกรู้สึกผูกพันมากที่สุดในอนาคต เมื่อลูกต้องเผชิญปัญหาต่างๆที่มาในช่วงวัยรุ่น เขาจะเปิดใจและขอคำปรึกษาจากคนที่รู้สึกไว้วางใจ ซึ่งก็คือคนที่ดูแลเขายามเป็นทุกข์ตั้งแต่เด็กนั่นเอง ดังนั้นเวลาลูกป่วยควรรีบตักตวงโอกาสนี้ ไม่เครียดหรือทะเลาะกันทั้งบ้าน เพราะเด็กจะสัมผัสบรรยากาศได้
การป้องกันอุบัติเหตุในเด็ก เป็นการป้องกันเหตุของการเกิดภาวะเสี่ยงต่อสุขภาพเด็ก การปฐมพยาบาลเบื้องต้น และมีความรู้ด้านการป้องกันอุบัติเหตุแก่บุคคลากรในสถานเลี้ยงเด็กหรือโรงเรียน เป็นเรื่องจำเป็นที่พ่อแม่ควรมีทักษะในการช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นพร้อมทั้งรู้ถึงข้อควรระวังต่างๆตามที่กล่าวมาเหล่า ก็จะเป็นการป้องกันอันตรายรุนแรงที่จะเกิดขึ้นกับลูกน้อยได้อีกด้วย
อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!