เด็กส่วนใหญ่มักเลิกซุ่มซ่ามไปเองเมื่ออยู่ในวัยประมาณ 8 หรือ 9 ขวบ
ในบางกรณี การทำของหล่นหรือการวิ่งชนของอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงปัญหาทางด้านร่างกายหรือระบบประสาท ถ้าอยู่ดีๆ ลูกก็มีอาการซุ่มซ่ามทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อนหรือเริ่มมีปัญหาที่โรงเรียน คุณต้องพาเขาไปพบคุณหมอเพื่อการตรวจและวินิจฉัยที่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม เด็กส่วนใหญ่มักต้องการเวลาและโอกาสในการฝึกฝนเพิ่มขึ้นอีกสักนิด เพื่อพัฒนาการใช้กล้ามเนื้อต่างๆ ให้ประสานกันได้ดียิ่งขึ้น คุณอาจช่วยให้ลูกผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้โดยไม่เจ็บตัวมากนักโดย
– เข้าใจว่าอาการแบบนี้ทำให้ลูกหงุดหงิดมากเพียงใด เพราะการเป็นเด็กที่สะดุดเท้าตัวเองล้มเป็นประจำไม่ใช่เรื่องสนุกอะไรเลย และการเอาความซุ่มซ่ามของลูกมาเล่าเป็นเรื่องสนุกหรือการตำหนิลูก คงไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
– ช่วยเสริมสร้างทักษะให้ลูก คาราเต้และศิลปะป้องกันตัวอื่นๆ จะช่วยพัฒนาการใช้กล้ามเนื้อให้ประสานกันได้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังไม่ใช่กีฬาแบบเป็นทีม จึงไม่ค่อยสร้างแรงกดดันให้เด็กสักเท่าไร ตอนอยู่บ้าน คุณอาจเปิดเพลงให้ลูกเต้นตามจังหวะหรือให้เขาหัดเต้นตามดีวีดี เพราะการเคลื่อนไหวร่างกายตามจังหวะที่ได้ยิน จะทำให้เขาได้ฝึกฝนเรื่องการเคลื่อนไหวให้สอดคล้องกับการสั่งการของสมอง
– แบ่งการฝึกเป็นขั้นตอนแบบง่ายๆ ถ้ามีทักษะบางอย่างที่ลูกยังทำได้ไม่ดีนัก คุณก็ควรหาวิธีช่วยลดความยากในการฝึกทักษะนั้น โดยแบ่งเป็นขั้นตอนแบบง่ายๆ และทำให้เขาดูเป็นตัวอย่าง
– ให้ลูกทำอะไรๆ ช้าลงบ้าง บางครั้งการทำจานแตกก็เกิดขึ้นเพราะความรีบร้อนที่จะไปโน่นมานี่ของตัวเด็กๆ เอง เตือนลูกให้ทำอะไรๆ ช้าลงสักนิด หรือคอยเช็คดูว่าเขาผูกเชือกรองเท้าเรียบร้อยดีแล้วหรือยัง
– เป็นกำลังใจให้ลูกพยายามต่อไปให้สำเร็จ การฝึกฝนจะทำให้เขาทำอะไรได้ดีขึ้น เช่น อาจให้เขาฝึกยกเสื้อผ้ากองที่ซักเรียบร้อยแล้วไปเก็บในห้องโดยไม่ทำหล่นเลยสักชิ้น หรือฝึกรับ – ส่งลูกบอลจนกว่าจะรับได้ในที่สุด
บทความโดย: กองบรรณาธิการนิตยสารเรียลพาเรนติ้ง