ดร.โรนี่ โคเฮน แซนด์เลอร์ ผู้เขียนหนังสือ “Trust Me, Mom-Everyone Else Is Going!” อธิบายว่า “ก่อนเข้าวัยรุ่น เด็กวัยนี้จะเริ่มลดนิสัยโอ้อวดและมองโลกตามจริงมากขึ้น วันหนึ่งเขาก็จะรู้ความจริงว่า มีเพื่อนที่วิ่งเร็วกว่าเขา มีเด็กวัยเดียวกันที่สุดป็อป หรือมีคนที่สอบได้คะแนนดีกว่า…เขาไม่ใช่คนเก่งที่หนึ่ง…อย่างที่พ่อแม่ทุกคนบอกลูกทุกคนมาตั้งแต่เล็กๆ อีกแล้ว
“แม้ว่าสำหรับคุณแล้วลูกคือตัวละครเอกตลอดกาล แต่หากคุณเอาแต่พูดว่าลูกเล่นบอลเก่งที่สุด ทั้งๆ ที่แค่เงื้อเท้าจะจับบอลก็โดนตัดลูกไปโน่นแล้ว ลูกมีแต่จะเซ็งเปล่าๆ ถึงแม้ว่าลูกคุณจะไม่ใช่คนเก่ง เป็นที่หนึ่ง หรือสุดยอดในเรื่องอะไร เด็กทุกคนก็มีความมั่นใจในตัวเองได้ และรู้ไหมว่า…คุณนั่นแหละมีส่วนสำคัญอย่างมาก
• ให้ความสำคัญกับความมุ่งมั่นตั้งใจมากกว่าผลลัพธ์
อะไรจะมีประโยชน์กับลูกมากกว่ากัน ระหว่างรอให้ลูกสอบได้เกรด 4 แล้วปรบมือยินดี กับทุกครั้งที่ลูกสนใจบทเรียนหรือกระตือรือร้นอ่านหนังสือก็ชื่นชมให้ลูกรับรู้
• ชูจุดเด่น
อธิบายให้ลูกรู้ว่าคุณเห็นข้อดีอะไรของเขา เช่น “ถึงลูกจะวิ่งไม่เร็ว แต่ลูกส่งบอลให้เพื่อนได้แม่นมากนะหรือ “แม้ลูกมีเพื่อนน้อย แต่เพื่อนที่ลูกมีก็รักลูก เพราะลูกมีน้ำใจช่วยเหลือเวลาเพื่อนมีปัญหาเสมอ” หรือ “ลูกไม่พูดคำหยาบกับเพื่อนเลยนะ” ยิ่งคุณชมลูกได้ชัดเจนมากขึ้นเท่าไร คำชมก็จะยิ่งมีความหมายกับลูกมากขึ้นเท่านั้น
• เลิกเปรียบเทียบ
ไม่ว่าจะกับพี่น้องเพื่อนคนไหน หรือแม้แต่เด็กข้างบ้านไม่ได้ช่วยให้ลูกรู้สึกดีหรอก
• ชวนทำสิ่งที่ลูกถนัด
ถ้าหากลูกรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่ง หรือขาดความมั่นใจอย่างมาก ชวนเขาไปทำกิจกรรมที่เขาถนัดหรือทำแล้วมีความสุข (เพราะมักจะหมายถึงเขาทำได้ดี) เช่น เกมที่เขาเล่นได้ดีมาก หรือสอนน้องทำการบ้าน เป็นต้น
• แบ่งปันประสบการณ์
ลูกจะรู้สึกยินดีมากถ้าได้รู้ว่าคุณเองก็เคยผิดหวังและแน่นอน พวกเขาต้องอยากรู้แน่ๆ ว่าคุณเอาชนะความรู้สึกนั้นได้อย่างไร ผู้เชี่ยวชาญแนะนำเสมอว่าวิธีหนึ่งที่ได้ผลดีในการช่วยเหลือลูกก่อนวัยรุ่นหรือวัยรุ่นเมื่อเขาประสบปัญหาอะไรก็ตาม คือได้รู้ว่าพ่อแม่ก็เคยเจอเรื่องแบบเดียวกัน และผ่านมาได้อย่างไร ลูกมักจะรู้สึกดีขึ้นเสมอ เพราะอย่างน้อยก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคุณเข้าใจหัวอกเขาแน่ๆ
บทความโดย: กองบรรณาธิการนิตยสารเรียลพาเรนติ้ง