โรงเรียนประถมศึกษา สำหรับลูกน้อยที่ก้าวผ่านวัยอนุบาลกันมาแล้ว จะมีวิธีเลือกโรงเรียนอย่างไรให้เหมาะ และต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนเลือกโรงเรียน
โรงเรียนประถมศึกษา เลือกอย่างไรเหมาะสมทั้งลูกทั้งคุณ!!
ปัจจุบันการแข่งขันเรื่องการเรียนเป็นสิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างมีการแข่งขันในอัตราการแข่งขันที่สูง โดยเราสามารถเห็นการสอบแข่งขันของเด็กเล็ก จากในยุคก่อน ๆ เด็กจะเริ่มเข้าสู่สนามสอบแข่งขัน เมื่อย่างเข้าสู่วัยเรียนช่วงมัธยมศึกษาตอนต้น แต่ในปัจจุบันสนามสอบแข่งขันนั้น เริ่มกันเสียตั้งแต่วัยประถมศึกษากันเสียแล้ว โดยบางแห่งหากมีอัตราการแข่งขัน และคนสนใจที่สูง ก็อาจเริ่มแข่งขัน สอบเข้ากันตั้งแต่วัยอนุบาลเลยเชียว เนื่องจากว่า เป็นโรงเรียนที่มีโควต้าให้กับเด็กสามารถเข้าโรงเรียนประถมในสังกัดเดียวกันได้เลย
แม้ว่าจะเริ่มมีการตระหนัก และรณรงค์ให้งดการสอบเข้าสำหรับเด็กประถมกันบ้าง ในบางโรงเรียนแล้วก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราไม่อาจกล่าวได้เลยว่า การแข่งขันสำหรับเด็กไทยจะลดลง เนื่องจากคุณภาพของโรงเรียนในไทยนั้น ยังคงมีความกระจุกตัวอยู่ในเมืองใหญ่ ทำให้ความต้องการของเข้าเรียนของนักเรียนมีสูงกว่าความสามารถในการรับนักเรียนของโรงเรียนดัง ๆ ได้
การสมัครเข้าเรียนของ โรงเรียนประถมศึกษา ของไทยนั้น จึงเป็นเรื่องที่พ่อแม่ต้องทำการเตรียมตัวศึกษากันเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่บุตรหลานของตนเอง การเลือกโรงเรียน แนวทางหรือหลักสูตรของโรงเรียน จึงมีความสำคัญ เพื่อที่พ่อแม่จะได้เตรียมตัวสำหรับการสมัครเข้าเรียนให้แก่ลูก เพราะโรงเรียนบางแห่งใช้การคัดเลือกด้วยการสอบเข้าเท่านั้น ดังนั้นเรามาศึกษาถึง โรงเรียนประถมศึกษา กันก่อนว่ามีหลักสูตรการเรียนการสอนแบบไหน อย่างไร??
6 ประเภทโรงเรียนประถม (แยกตามหลักสูตรการเรียนการสอน)
1. โรงเรียนรัฐบาล
เป็นโรงเรียนที่กระทรวงศึกษาธิการตั้ง และดำรงอยู่ได้ด้วยเงินงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ก็จะไม่ต้องเสียค่าบำรุงการศึกษา แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ บ้าง เช่น ค่าเรียนเสริม ค่าเรียนภาษาต่างประเทศ เป็นต้น และสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เช่น ค่าอาหารกลางวัน ค่านม ค่าชุดนักเรียน ค่าหนังสือเรียน ทางกระทรวงศึกษาธิการจะมีงบในการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายให้คุณพ่อคุณแม่ได้ลดภาระค่าใช้จ่ายลง
จุดเด่น :
โรงเรียนรัฐบาลจะมีบรรยากาศ และสภาพแวดล้อม สังคมที่หลากหลาย เพราะทุกคนมีสิทธิ์เข้าโรงเรียนได้หากสอบเข้าได้ หรือบ้านอยู่ใกล้โรงเรียน นับว่าเป็นข้อดีอย่างหนึ่ง ที่จะใช้ในการสอนให้ลูกรู้จักปรับตัวอยู่กับสังคมที่หลากหลายรูปแบบที่เข้าจะต้องเจอในชีวิตจริง นอกจากนี้ จุดเด่นของโรงเรียนรัฐบาลจะมีกฎระเบียบที่ค่อนข้างเข้มงวดตั้งแต่เรื่องทรงผมและเครื่องแบบ ซึ่งจะช่วยฝึกวินัยและความเป็นระเบียบให้ลูกได้เป็นอย่างดี
สิ่งที่ควรคำนึงถึง :
สำหรับโรงเรียนรัฐบาลนั้น เป็นโรงเรียนที่มีเด็กที่ต้องการจะเข้าเรียนมาก ทำให้ใน 1 ห้องจะมีจำนวนนักเรียนที่ค่อนข้างมาก ในขณะที่อาจารย์ก็มีจำนวนไม่เพียงพอ ทำให้อาจดูแลได้ไม่ทั่วถึงได้ และควรหาโอกาสไปเดินดูบรรยากาศ สถานที่ และเด็กนักเรียนของโรงเรียนรัฐบาลที่คุณสนใจก่อนการตัดสินใจ เพื่อจะได้เห็นบรรยากาศจริงว่าเข้ากันกับครอบครัว และลูกของคุณได้หรือไม่
2. โรงเรียนคาทอลิก
โรงเรียนที่เป็นลักษณะไปตามประเภทของโรงเรียน นั่นคือ คาทอลิก หมายถึง โรงเรียนของศาสนาคริสต์ แต่ไม่ได้หมายความว่า เด็กนักเรียนที่จะเข้าเรียนต้องนับถือศาสนาคริสต์เท่านั้น โรงเรียนค่อนข้างเปิดกว้างให้กับทุกศาสนา เพียงแต่ว่า จะมีกิจกรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี และการเรียนคุณครู ที่เป็นไปตามแบบของคาทอลิก ด้วยลักษณะเฉพาะที่นำเอาพื้นฐานความเชื่อศาสนามาประยุกต์เข้ากับวัฒนธรรมในการพัฒนาบุคลิกภาพ เน้นให้นักเรียนมีระเบียบวินัย รู้จักบังคับตนเอง และเตรียมความพร้อมทั้งการวางตัว การเข้าสังคมหรือการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม จึงเป็นอีก โรงเรียนประถมศึกษา ที่ได้รับความนิยมไม่น้อย สำหรับเรื่องวิชาการก็เข้มข้น บวกกับเป็นโรงเรียนที่มีพื้นฐานเป็นศาสนาคริสต์ ทำให้คุณพ่อคุณแม่มั่นใจได้ว่าทักษะพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษของลูกดีแน่นอน การเรียนการสอนก็ยังอิงกับหลักสูตรไทยของกระทรวงศึกษาธิการตามปกติ
จุดเด่น :
สำหรับจุดเด่นของโรงเรียนคาทอลิก คือเรื่องภาษาอังกฤษ การไปเรียนโรงเรียนคาทอลิกเรื่องภาษารับประกันได้ อย่างน้อยก็ต้องได้ในระดับสื่อสารกับคนอื่นได้ การสอนภาษาในโรงเรียนคาทอลิกเป็นไปในลักษณะปลูกฝังมากกว่าบังคับ ทำให้การเรียนภาษาเป็นเรื่องที่สนุก นอกจากเรื่องเรียนแล้ว เรื่องการปลูกฝังค่านิยม ศีลธรรม จรรยา การวางตัวในสังคม โรงเรียนคาทอลิกถือว่าทำได้ดีเลย ไม่ว่าจะเป็นมารยาทที่เป็นมาตรฐานสังคมโลก ทั้งเรื่องการกิน การเดิน การนอน บุคลิกภาพ ท่าทาง คำพูด และการเข้าสังคม ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานอันดีทำให้เด็กปรับตัวได้เร็วกว่า วางตัวดีกว่า เพราะถูกสอนมาตั้งแต่ยังเล็ก
สิ่งที่ควรคำนึง :
แม้ว่าเรื่องเงินจะไม่ใช่สิ่งที่สำคัญสุดของการเรียน แต่ต้องยอมรับว่าค่าเทอมโรงเรียนคาทอลิกเหล่านี้ก็หนักเอาการเหมือนกัน ยิ่งถ้าเป็นกลุ่มโรงเรียนคาทอลิกชั้นนำของประเทศบอกเลยว่าไม่แพ้กันกับโรงเรียนนานาชาติเลยทีเดียว แต่สำหรับบางครอบครัวที่คิดว่าไหว การที่มีค่าเทอมค่อนข้างสูง เขาก็คิดว่า เป็นการซื้อสังคมที่ใกล้เคียงกันให้กับลูกอีกทางหนึ่ง
3. โรงเรียนสาธิต
เป็นโรงเรียนประถม และมัธยมในกำกับของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เพื่อให้เป็นสถานที่ฝึกปฏิบัติการทางการศึกษา และเป็นสถานที่ฝึกการปฏิบัติงานของนักศึกษาหรือเด็กฝึกงานเพื่อที่จะเตรียมเป็นคุณครูในอนาคต ใช้เป็นสถานที่ศึกษาวิจัยงานต่าง ๆ ดังนั้น นอกจากจะมีแค่ครูบาอาจารย์วัยผู้ใหญ่แล้ว นักเรียนก็จะได้เรียนกับนิสิตนักศึกษาฝึกสอนด้วย ซึ่งก็อาจนำมาซึ่งวิธีการเรียนการสอนใหม่ๆ และวิธีคิดที่นอกกรอบ ผู้สอนมีช่วงอายุที่ใกล้เคียงกับนักเรียนมากขึ้น จึงมีแนวโน้มเชื่อมสัมพันธ์กันได้ง่ายขึ้น โรงเรียนสาธิต เป็นได้ทั้งรัฐบาล และเอกชน ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยที่อยู่ในสังกัด
จุดเด่น :
เด็กๆ ที่เรียนโรงเรียนสาธิตจะได้รับการเตรียมพร้อมอย่างครบครันหากหวังจะเข้ามหาวิทยาลัยที่ทำหน้าที่กำกับดูแล แม้ว่าจะหลักสูตรของโรงเรียนสาธิตจะดูไม่เข้มข้นเท่าโรงเรียนในแบบอื่น ๆ แต่ประสิทธิผลของการเรียนของโรงเรียนสาธิตที่วัดได้จากเกณฑ์การสอบเข้ามหาวิทยาลัยของแต่ละสาธิต เรียกได้ว่าค่อนข้างสูงเลยทีเดียว จึงเป็นอีกหนึ่ง โรงเรียนประถมศึกษา ในใจของพ่อแม่หลาย ๆ คน
สิ่งที่ควรคำนึง :
นอกจากนี้โรงเรียนสาธิตบางแห่ง ยังมีตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมปลายเลย สามารถเรียนได้อย่างยาวๆ หากตั้งใจไว้แบบนั้น ดังนั้นหากสนใจโรงเรียนสาธิต คุณพ่อคุณแม่ก็ควรศึกษาว่าสาธิตของโรงเรียนที่เราต้องการนั้น รับสมัครเด็กนักเรียนช่วงอายุเท่าไหร่กันบ้าง
4. โรงเรียนทางเลือก
สำหรับโรงเรียนทางเลือกนั้น หากจะอธิบายให้พ่อแม่อย่างเราเข้าใจได้แบบง่าย ๆ มันก็คือ โรงเรียนที่มีการเรียนการสอนแตกต่างจากระบบเดิมที่เราคุ้นชินกันมา โรงเรียนจะมีการสอนที่มีความยืดหยุ่นทั้งทางด้านแนวคิด ความเชื่อ วิธีการและเนื้อหาที่สอนลงไปในแต่ละวัน ซึ่งจุดเด่นของการเรียนโรงเรียนทางเลือกนั้นไม่ได้หมายถึงการเรียนเพื่อเก่งที่สุด แต่เป็นการเรียนด้วยแนวคิดปรัชญาใหม่จากทั้งฝั่งตะวันตก และ ตะวันออก เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรัก ความชอบ ความรู้ ความสามารถในการเข้าสังคม และเตรียมความพร้อมในระดับที่สูงขึ้นไปได้(สำหรับชั้นอนุบาล) ซึ่งโรงเรียนทางเลือกเหล่านี้จะได้รับการประเมินจากหน่วยงานการศึกษาของรัฐแล้วว่าสามารถเปิดทำการเรียนการสอนได้
แม้จะบอกว่าเป็นโรงเรียนทางเลือกเหมือนกัน แต่โรงเรียนทางเลือกแต่ละแห่งต่างก็มีแนวคิด ปรัชญา แตกต่างกันไปแบบไม่เหมือนกันเลย ซึ่งเราต้องศึกษาให้ดีก่อนว่า โรงเรียนทางเลือกที่เราจะเลือกให้กับลูกนั้นเป็นแบบใด เหมาะสมกับความต้องการ และจุดประสงค์ของเราหรือไม่ ตัวอย่างของโรงเรียนทางเลือก ได้แก่ โรงเรียนที่เน้นการสอนแบบมอนเตเซอรี่ โรงเรียนที่สอนแบบโครงการ โรงเรียนการสอนแบบวอลดอร์ฟ โรงเรียนการสอนแบบพหุปัญญา โรงเรียนการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ โรงเรียนการสอนแบบเรกจิโอ เอมิเลีย โรงเรียนการสอนแบบไฮสโคป โรงเรียนการสอนแบบภาษาธรรมชาติ เป็นต้น
สิ่งที่ควรคำนึงถึง :
การเข้าโรงเรียนทางเลือกไม่ว่าจะเป็นระดับอนุบาล หรือ ระดับที่สูงกว่านั้น สิ่งแรกที่พ่อแม่ต้องเข้าใจก่อนเลยก็คือการเตรียมตัวของพ่อแม่จะต้องดีระดับหนึ่งเลย ต้องเข้าใจวิธี และ วิถีการสอนของโรงเรียนทางเลือกเหล่านี้ บางโรงพ่อแม่ต้องเข้าไปศึกษากับครูก่อน ถึงจะส่งลูกเข้ามาเรียนได้ หากแนวคิดของพ่อแม่ไม่สอดคล้องกับทางโรงเรียน ก็เข้าไม่ได้แบบนี้ก็มี สองเรื่องของค่าใช้จ่าย โรงเรียนทางเลือกส่วนใหญ่ค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าโรงเรียนทั่วไป และสิ่งสำคัญที่สุด คือ การเข้าใจว่าโรงเรียนทางเลือกนั้นไม่ได้เน้นหลักสูตรแบบเดียวกับการเรียนการสอนในโรงเรียนปกติ ทำให้อาจดูว่าลูกเราแข่งขันสู้คนอื่นไม่ได้ในระดับอายุเท่ากัน แต่แนวทางการสอนของเด็กในโรงเรียนทางเลือกนี้ จะเน้นที่ให้ผู้เรียนตระหนัก และดูแลตนเองได้ อยากเรียนเมื่อพร้อมเรียน และมีความรับผิดชอบด้วยตนเอง ไม่ใช่การบังคับ หรือท่องจำ
โรงเรียนทางเลือก จะมีแนวคิดแตกต่างกันทำให้วิธีการจัดการเรียนการสอนแตกต่างกันด้วย อย่างถ้าเป็นโรงเรียนทางเลือกแบบมอนเตเซอรี่ จะเน้นการฝึก การทำ การทดลอง เพื่อให้เด็กได้เกิดประสบการณ์ในตัวเอง พัฒนาตัวอย่างอย่างมีอิสระ แต่โรงเรียนปกติอาจจะไม่ได้ทำทุกอย่างแบบนั้น ซึ่งความแตกต่างของแนวคิด และการจัดการเรียนการสอนจะทำให้ผลที่เกิดขึ้นแตกต่างกัน จากกรณีนี้เด็กที่เรียนจากมอนเตเซอรี่ (ระดับอนุบาล) อาจจะมีทักษะการช่วยเหลือตัวเองได้มากกว่าโรงเรียนปกติ เป็นต้น ดังนั้นหากจะยึดแนวทางนี้ต้องไม่นำลูกไปเปรียบเทียบกับเด็กที่เรียนในแบบอื่น
อ่านต่อ>> โรงเรียนประถมศึกษา แบบไหนเหมาะกับลูก คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่