กุมารแพทย์ห่วง กัญชา ! กระทบสมองเด็กและวัยรุ่น
ในช่วงนี้ไม่มีเรื่องใดร้อนแรงไปกว่าการประกาศยกเว้น กัญชา จากการเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 สามารถนำกัญชามาใช้ได้อย่างเสรี หากนำไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ เหมาะสม ก็เป็นเรื่องดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ แต่หากตกมาถึงมือเด็ก ๆ ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม ขนม หรืออาหาร หากรับในปริมาณมากไป จะส่งผลกระทบต่อสมองได้ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ห่วงเสรี กัญชา ส่งผลกระทบต่อเด็ก
พบผู้ป่วยจิตเวชจากกัญชาเข้าบำบัดมากที่สุด
นพ.ล่ำซำ ลักขณาภิชนชัช รองผู้อำนวยการด้านวิชาการและการแพทย์ สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) ให้ข้อมูลไว้ว่า จากการสำรวจล่าสุดพบว่า
ผู้ป่วยที่เข้ามารับการบำบัดจากกัญชาพบมากที่สุด และมีอาการทางจิตรุนแรง เพราะผู้ที่สูบกัญชากว่าจะแสดงอาการรุนแรงใช้ระยะเวลานานกว่ายาบ้าหรือไอซ์ จึงเข้าสู่กระบวนการบำบัดช้ากว่าที่ควรจะเป็น จะเป็นอาการหลอน หูแว่ว หลงผิด หวาดระแวง และทำร้ายผู้อื่น ปี 2563 มีผู้ป่วยจิตเวชจากกัญชา 18% ปี 2564 ข้อมูล ณ ปัจจุบันเพิ่มเป็น 28% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น…
นอกจากนี้นายแพทย์ล่ำซำยังกล่าวอีกว่า
“…กรณีผู้ป่วยต้องการใช้กัญชารักษาโรคต้องปรึกษาแพทย์ การนำมาประกอบอาหารโดยใช้ใบ แม้มีสารมึนเมาต่ำ แต่ปัญหาที่น่ากลัวส่งผลแง่ลบ โดยเฉพาะเยาวชนอาจทดลองใช้เป็นสารเสพติด อีกข้อห่วงใย ใช้กัญชาเพื่อความมึนเมาแล้วไปขับรถ ในต่างประเทศมีสถิติอุบัติเหตุจราจรจากเมากัญชาสูง ไทยยังไม่มีการรวบรวมข้อมูลชัดเจน มีข้อแนะนำว่า ถ้าเสพกัญชาขอเวลา 6 ชั่วโมง ให้สร่างเมาแล้วค่อยขับ ยิ่งถ้าดื่มแอลกอฮอล์แล้วสูบกัญชา ยิ่งห้ามดื่ม…”
นำกัญชามาเป็นส่วนผสมในอาหารมากขึ้น
รศ.พญ.รัศมน กัลยาศิริ ผู้จัดการศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.) กล่าวว่า ขณะนี้กระแสการกินกัญชาและนำมาเป็นส่วนผสมในอาหารใช้บริโภคมีมากขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้น อยากทำความเข้าใจว่า การนำกัญชามาเป็นส่วนผสมปรุงในอาหารจะออกฤทธิ์ช้ากว่าการสูบ เนื่องจากปริมาณที่อนุญาตให้มีส่วนสารมึนเมาน้อย กว่าจะออกฤทธิ์ใช้เวลานาน ทำให้ผู้ที่บริโภคในครั้งแรกบางครั้งไม่ได้รู้สึกถึงความเคลิบเคลิ้ม หรือความสุขอย่างที่คิด จึงบริโภคซ้ำไปอีกต่อเนื่อง เมื่อสะสมเรื่อยๆ จะกลายเป็นกินในปริมาณมากเกินไป
ดังนั้น ก่อนที่จะกินอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา ควรต้องรู้ว่า
- ร้านดังกล่าวได้รับอนุญาตถูกต้องหรือไม่
- นำกัญชามาจากที่ใด เพราะแต่ละสายพันธุ์มีสารเมาไม่เท่ากัน
- กระบวนการปรุงอาหารแต่ละอย่างอาจทำให้สารเมาออกมาไม่เท่ากัน
ใน กัญชา มีสารอะไร
- สารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท(psychoactive) ที่สำคัญ ได้แก่ THC (delta-9-/delta-8 tetrahydrocannabinol ซึ่งนำมาใช้ในทางการแพทย์เช่นกัน เช่น ในการรักษาประคับประคองของมะเร็งระยะสุดท้าย
- สารไม่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท (Non-Psychoactive) ที่สำคัญ ได้แก่ แคนนาบินอยด์ (Cannabidiol-CBD) ซึ่งในทางการแพทย์มีการนำมาใช้รักษาโรคลมชักชนิดดื้อยากันชัก
ผลที่จะเกิดหากเด็กได้รับสารจากกัญชา
- ถ้ากินอาหารที่ผสมกัญชาแล้วมีอาการเคลิ้มสูง นอนไม่หลับ พูดเยอะกว่าปกติ คือเมาน้อย แสดงว่าได้รับผลทางจิตประสาทจากสารเมา
- นอกจากนี้ เด็กยังได้รับผลกระทบจากกัญชาจากการรักษาทางการแพทย์ อาการส่วนใหญ่จะเนือยนิ่ง อ่อนแรง เดินเซ ใจสั่น ม่านตาขยาย
- พัฒนาการล่าช้า
- ปัญหาพฤติกรรม
- เชาวน์ปัญญาลดลง
- ส่งผลต่ออารมณ์และจิตใจ เช่น มีความเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคจิตเภท ภาวะฆ่าตัวตาย เสี่ยงต่อการติดสารเสพติดชนิดอื่นๆ
คำแนะนำเพื่อป้องกันผลที่จะเกิดกับเด็ก
ขอบคุณข้อมูลจาก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก