ผลข้างเคียง (ผลแทรกซ้อน) วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกผลิตจากชิ้นส่วนของไวรัส จึงไม่ทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีไม่ว่าจะเป็นกรณีใดทั้งสิ้น (ไม่เป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็ง) แต่ชิ้นส่วนหรือสารที่มีอยู่ในวัคซีน อาจก่ออาการแพ้ยา/แพ้วัคซีนได้ ซึ่งอาการแพ้ทั่วไปไม่รุนแรงและพบได้น้อยเช่น มีไข้ เจ็บตรงที่ฉีด หรือวิงเวียน มึนงง อาการจะหายได้เองภายใน 1 – 2 วันโดยไม่ต้องรักษา
แต่มีบางคนอาจแพ้รุนแรงถึงขั้นช็อกได้ (พบได้น้อยมาก) ถ้าเคยมีประวัติแพ้สารต่างๆมาก่อน ดังนั้นจึงควรแจ้งแพทย์/พยาบาลเสมอถึงประวัติอาการแพ้ต่างๆ ก่อนฉีดวัคซีนนี้
ราคาวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
สำหรับวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ตามโรงพยาบาลเอกชนต่างๆ มีบริการฉีดวัคซีน HPV มาก่อน แต่ราคาของวัคซีน HPV ในโรงพยาบาลเอกชนค่อนข้างสูง โดยคิดราคาเข็มละ 2,000-4,000 บาท หรือบางโรงพยาบาลอาจมีราคาสูงกว่านี้ถึงสองเท่า และด้วยความที่ราคาวัคซีน HPV แพงจึงทำให้การเข้าถึงวัคซีน HPV ของประชาชนเป็นไปได้ยาก
ทั้งนี้ในสหรัฐอเมริกาวัคซีน Cervarix เข็มละประมาณ 100 ดอลลาร์, วัคซีน Gardasil เข็มละประมาณ 120 ดอลลาร์, วัคซีน Gardasil 9 เข็มละประมาณ 145 ดอลลาร์
ฉีดวัคซีนแล้วยังต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอีกไหม?
ข้อนี้สำคัญที่สุด ทุกคนต้องตระหนักถึงข้อนี้คือ วัคซีนรักษาโรคมะเร็งปากมดลูกไม่ได้ และป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ประมาณ 70 – 90% ขึ้นกับชนิดของวัคซีนที่ฉีด ดังนั้นทุกคนที่ฉีดวัคซีนนี้แล้วยังคงต้องเลิกปัจจัยเสี่ยงต่างๆอื่นๆต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก และยังต้องรับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกสม่ำเสมอบ่อยตามแพทย์แนะนำ
ถ้าไม่ได้ฉีดวัคซีนจะดูแลตนเองอย่างไร?
ไม่ต้องกลัว ถึงแม้ไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก เพราะโรคมะเร็งปากมดลูกมีวิธีตรวจคัดกรองโรคมะเร็งที่มีประสิทธิภาพ ผู้หญิงทุกคนจึงควรปรึกษาสูตินรีแพทย์หรือแพทย์ทุกคนเรื่องการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (วิธีตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก โรคมะเร็งเต้านม และโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่) โดยเริ่มเมื่ออายุ 21 ปีหรือหลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกแล้วอย่างน้อย 3 ปีขึ้นกับว่าเวลาใดถึงก่อน หลังจากนั้นความถี่ในการตรวจคัดกรองฯขึ้นกับคำแนะนำของแพทย์
นอกจากนั้น ดังกล่าวแล้วว่าการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้น การให้ฝ่ายชายใช้ถุงยางอนามัยชายในการมีเพศสัมพันธ์ จึงเป็นอีกวิธีลดโอกาสติดเชื้อต่างๆทางเพศสัมพันธ์ รวมทั้งการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีและไวรัสเอชไอวี/HIV (โรคเอดส์)
อยากฉีดวัคซีนต้องทำอย่างไร?
เมื่อต้องการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ควรสอบถามสูตินรีแพทย์หรือแพทย์โรค มะเร็งทั้งรังสีรักษาแพทย์และมะเร็งวิทยาอายุรแพทย์ ทั้งนี้ ต้องระลึกอยู่เสมอว่าวัคซีนนี้ป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้เฉพาะที่เกิดจากเอชพีวีสายพันธุ์ย่อยที่วัคซีนนั้นๆป้องกันได้ (2 – 9 สายพันธุ์ขึ้นกับชนิดของวัคซีน)
เพราะในหญิงไทยมีเชื้อ HPV ที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก เป็นสายพันธุ์ 52 และ 16 เป็นหลัก ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีดวัคซีนฯ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดทั้งในการป้องกันโรคและในเรื่องของค่าใช้จ่ายนะคะ
อ่านต่อ “บทความน่าสนใจ” คลิก!
- 8 ข้อควรรู้ ก่อนพาลูกไป ฉีดวัคซีน มะเร็งปากมดลูก
- 10 สัญญาณเตือน มะเร็งปากมดลูก
- แพทย์แนะหญิงไทย ตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก ทุกสามปี
- 10 โรคอันตรายของผู้หญิง ที่มักเกิดและต้องระวังให้มาก!
ขอบคุณข้อมูลจาก : haamor.com