“สมอง” นั้นจัดว่าเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดของร่างกายเลยก็ว่าได้ ที่ทำหน้าที่ควบคุม สั่งการเคลื่อนไหว และเกี่ยวข้องกับการรับรู้ ความจำ และความสามารถในการเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ โดยสมองของคนเราแบ่งออกเป็น 2 ซีก คือ สมองซีกซ้าย กับซีกขวาที่ทำงานกันคนละด้าน และทำหน้าที่แตกต่างกัน การเลี้ยงดูและการกระตุ้นพัฒนาการที่เหมาะสมในวัยเด็กจะส่งผลต่อการเชื่อมต่อของเซลล์สมอง และมีส่วนช่วยปลุกศักยภาพความถนัดให้ลูกรักนำมาใช้ได้อย่างเต็มที่ คุณพ่อคุณแม่พอจะสังเกตเห็นว่า ตอนนี้ลูกของเรามีความถนัดในด้านไหนกันบ้าง เป็นนักคิด อาร์ตติสท์ ชอบวางแผนหรือชอบร้องเพลง แล้วรู้มั้ยค่ะว่าความถนัดในแต่ละด้านนั้นเกี่ยวข้องกับสมองซีกซ้ายและซีกขวาอย่างไร มาดูกันค่ะว่า สมองแต่ละด้านทำงานเกี่ยวกับอะไรบ้าง พร้อมกับกิจกรรมที่จะช่วยพัฒนาสมองทั้งสองซีกให้เด็ก ๆ กันค่ะ
สมองซีกซ้าย ซีกขวา เกี่ยวกับอะไร?
สมองซีกซ้าย เป็นสมอง “ส่วนของการตัดสิน” สมองซีกซ้ายทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของมือขวา และจะควบคุมเรื่องเกี่ยวกับเหตุผลทุกอย่าง ทำหน้าที่คิดวิเคราะห์ เพื่อการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ทั้งด้านการใช้ภาษา การเขียน การอ่าน การควบคุม การพูด การใช้เหตุผล ทักษะด้านตัวเลข วิทยาศาสตร์ ตรรกศาสตร์ ฯลฯ ซึ่งมีผลทำให้คนถนัดสมองซีกซ้ายเป็นนักวางแผน ชอบวิเคราะห์ ทำอะไรทีละอย่างตามขั้นตอน แสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาได้อย่างชัดเจน และมีผลวิจัยบอกว่าสมองที่โดดเด่นและได้รับการใช้งานมากที่สุดคือสมองซีกซ้ายนั่นเอง
สมองซีกขวา สมองซีกนี้ถูกเรียกว่า “ส่วนของความคิดสร้างสรรค์” ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของมือซ้าย ช่วยควบคุมและพัฒนาด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว ทำหน้าที่ในเรื่องของศิลปะ ความเข้าใจการเห็นภาพสามมิติ มีความสุนทรียะและความสามารถด้านดนตรี เพลง และการใช้จินตนาการในการดำเนินชีวิต มีความรู้สึกดื่มด่ำต่อศิลปะ มีทักษะด้านการเข้าใจตนเอง นอกจากนี้สมองซีกขวายังช่วยให้เด็กเรียนรู้จิตใต้สำนึก และมีศักยภาพในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมากด้วยความรวดเร็วซึ่งแตกต่างจากสมองซีกซ้าย สิ่งนี้จะแปลความสามารถในการจดจำที่ดีขึ้น เด็กหรือคนที่ถนัดสมองซีกขวาจะเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่าย ปรับตัวเก่ง มองการณ์ไกล รักการอ่าน การเขียนหนังสือ มีความสามารถในงานฝีมือ และงานประดิษฐ์ ส่วนใหญ่จะเป็นศิลปิน เพราะมีความคิดสร้างสรรค์สูง
8 กิจกรรมยามว่างพัฒนา สมองซีกซ้าย ซีกขวา
กิจกรรมพัฒนาสมองซีกซ้าย เป็นการฝึกฝนลงมือทำสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันหรือเล่นเกมที่ใช้ทักษะความคิดเพื่อฝึกหลักการใช้เหตุผล การแยกแยะ การเก็บรายละเอียด การลำดับก่อนหลัง การจัดระเบียบขั้นตอน ฝึกการวางแผน การคิดให้เป็นระบบ ตัวเลข หรือภาษา อาทิเช่น
1.เล่นเกม Crossword
“ครอสเวิร์ดเกม” หรือเกมต่อศัพท์ภาษาอังกฤษ เป็นหนึ่งเกมที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในงานวิจัยหลายฉบับ และเป็นเกมที่ได้รับความนิยมเล่นอย่างกว้างขวาง เป็นเกมที่ช่วยกระตุ้นเซลล์สมอง เพิ่มพลังความคิด และทำให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษใหม่ ๆ ด้วยการผสมอักษรและคำนวณคะแนนให้ได้มากที่สุด ผลลัพธ์จากการเล่มเกมนี้จะทำให้เด็กมีความสนใจในการเรียนรู้ภาษาเพิ่มมากขึ้น สะกดคำได้เก่ง และอ่านหนังสือได้เร็วขึ้น แถมยังได้ความสนุกสนานที่สามารถเล่นกันได้ทั้งครอบครัวด้วย
2.เล่นเกม Sudoku
ซูโดะกุ เป็นเกมปริศนาตารางตัวเลข ที่ผู้เล่นจะต้องเติมตัวเลขลงในช่องว่างของตาราง โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องใช้ตัวเลขในแต่ละแถวไม่ให้ซ้ำกัน และใช้ตัวเลขแต่ละตัวได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทั้งในทุกแถวของแนวตั้ง แนวนอน เกมนี้จึงเป็นเกมที่เด็ก ๆ จะได้ฝึกสมอง ฝึกรูปแบบกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบและมีเหตุผล หรือตรรกะ (logic) ในการไขปริศนานี้โดยดูจากข้อมูลตัวเลขที่ให้มา ได้ฝึกทักษะการสังเกตและการคิดวิเคราะห์ ฝึกฝนความคิดเรื่องการจัดลำดับ และ sense of space ฝึกความจำ รวมถึงการฝึกความอดทน มีสมาธิ เด็กที่เล่นเกมนี้จะพัฒนาทักษะการคิดเร็ว และปรับมุมมองคิดนอกกรอบได้เก่ง แถมยังเป็นเกมที่เล่นได้ทั้งครอบครัว ได้ทุกทีทุกเวลาอีกด้วย
3.เล่นรูบิค (Rubik’s Cube)
รูบิคหรือตัวบิดทรงสี่เหลี่ยม ถือเป็นของเล่นฝึกสมองสุดคลาสสิกที่ไม่เคยล้าสมัยที่คุณพ่อคุณแม่อาจจะเคยได้เล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ของเล่นชนิดนี้สามารถช่วยบริหารสมองและพัฒนาความสามารถในการจดจำ เป็นตัวช่วยที่ดีที่ทำให้สมองของลูกมีการพัฒนาในทางบวก ช่วยกระตุ้นความจำระยะสั้น เสริมทักษะความสัมพันธ์ตาและมือ ฝึกทักษะการวิเคราะห์ สร้างสมาธิและความอดทน ฝึกทักษะในการแก้ปัญหา ช่วยให้ลูกเป็นคนที่รู้จักคิดและส่งเสริมให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีทางด้านสติปัญญาช่วยให้ลูกมีความฉลาดมากยิ่งขึ้น ช่วยฝึกความเร็ว ความคล่องแคล่ว ทำให้ลูกได้คิดเร็วขึ้นในเวลาที่จำกัด จะเห็นได้ว่าเกมรูบิคนั้นมีประโยชน์มากมายเทียบเท่ากับการเล่นหมากรุก และมีขนาดเล็ก พกพาได้สะดวก สามารถนำติดตัวไปเล่นได้ทุกที่ทุกเวลา เหมาะแก่การฝึกพัฒนาการสำหรับเด็ก ๆ และให้ลูกสนุกได้ดีทีเดียว
4.เล่นหมากรุก
เกมหมากรุก เป็นอีกเกมคลาสสิคที่เล่นกันได้ตั้งแต่เด็กจนถึงรุ่นคุณตาคุณยายกันเลยทีเดียว เป็นเกมที่จะช่วยฝึกสมอง ฝึกวางแผน วิเคราะห์ปัญหา ส่งผลให้สมองได้ใช้ความคิด และความสามารถในการประมวลข้อมูลต่าง ๆ ของสมอง ช่วยเสริมไอคิวเพิ่มสูงขึ้นได้ สร้างสมาธิ และช่วยให้มีความจำดีอีกด้วย
5.อ่านหนังสือ
การอ่านเป็นวิธีง่าย ๆ ที่แต่ช่วยพัฒนาสมองได้เป็นอย่างดี การอ่านจะมีส่วนช่วยเพิ่มการเชื่อมโยงเครือข่ายของสมอง ทำให้โครงสร้างของสมองเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เพิ่มการเรียนรู้และการจดจำ และเป็นการเปิดโลกจินตนาการถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ได้วิเคราะห์ตามเนื้อหาในหนังสือ ยิ่งถ้าให้ลูกได้อ่านหนังสือในเรื่องที่ไม่เคยอ่านมาก่อน ก็จะทำให้ลูกได้ความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาอีกด้วย
กิจกรรมพัฒนาสมองซีกขวา สมองซีกขวาเป็นส่วนสำคัญที่ควบคุมด้านจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์ ความรู้สึก ควรให้ลูกได้ทำกิจกรรมใช้ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อทำให้สมองส่วนนี้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น
6.เขียนวาดความคิดออกมาเป็นภาพหรือสัญลักษณ์
ฝึกให้ลูกได้วาดรูปตามจินตนาการหรือคิดนอกกรอบในภาพแนวใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม ในแบบที่เป็นไปได้หรือเหนือจินตนาการ หรือเขียนออกมาในรูปของภาพประกอบมีคำบรรยาย หรือในรูปแบบของ Mind Map การฝึกแบบนี้บ่อยๆ จะช่วยให้ลูกเห็นภาพรวมของความคิด จดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น รวมถึงสามารถค้นพบไอเดียใหม่ ๆ ได้อีกด้วย
7.เล่นดนตรี
ปัจจุบันการสนับสนุนให้ลูกเล่นดนตรีนับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่พ่อแม่ให้ความสนใจ เนื่องจากมีงานวิจัย ผลทดลอง และผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากศึกษาถึงประโยชน์ของดนตรีต่อพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของเด็ก ซึ่งส่วนใหญ่พบว่าการให้ทำกิจกรรมทางดนตรี อย่างการร้องเพลงหรือเล่นเครื่องดนตรีตั้งแต่ยังเล็ก จะทำให้พัฒนาการทุกด้านรวดเร็วกว่าเด็กในวัยเดียวกัน เพลงและดนตรีทำให้สมองมีการทำงานทุกส่วน สมองเกิดการตื่นตัวและทำงานแบบสอดประสานกัน ทั้ง 2 ซีก มีส่วนช่วยเสริมพัฒนาการสมอง ความจำ และทักษะความสามารถด้านต่าง ๆ ของเด็กได้มาก แม้แต่การฝึกเล่นดนตรีเป็นชิ้นเดียวก็จะพัฒนาทักษะทางปัญญา ความสามารถในการเรียนรู้ การคิดการใช้เหตุผล การเข้าสังคม การควบคุมอารมณ์ และความอดทนได้สูงอีกด้วย เนื่องจากการเล่นดนตรีไม่ได้ใช้ความเข้าใจหรือการจำอย่างเดียว แต่ต้องใช้ทักษะทางร่างกายที่ซับซ้อนด้วยและทักษะเหล่านี้จะติดตัวไปตลอดแม้ว่าจะหยุดเล่นดนตรีไปแล้วก็ตาม อีกทั้งยังมีผลการศึกษาพบว่า ดนตรีให้ผลโดยตรงต่อสมอง ระหว่างการเล่นดนตรีทำให้เกิดกระบวนการคิดสร้างสรรค์ เมื่อเด็ก ๆ ได้ฟังเพลง เนื้อร้องก็จะเกิดการจินตนาการเป็นภาพตามบทเพลง ครีเอทสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นได้ดี รวมถึงช่วยเพิ่มทักษะไอคิวได้อีกด้วย
บทความแนะนำที่เกี่ยวข้อง : เรียนดนตรีดียังไง หลายเหตุผลที่บอกว่า เลี้ยงลูกด้วยดนตรี มีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิต
8.พาลูกทำกิจกรรมนอกบ้าน
การทำกิจกรรมนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬา พาลูกไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ทุกกิจกรรมล้วนช่วยสร้างความสัมพันธ์ของเซลล์สมองซีกขวาได้เป็นอย่างดี และให้ลูกได้มีประสบการณ์การนอกห้องเรียนที่ทำให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ด้วยความสนุก และช่วยเสริมสร้างพัฒนาการและทักษะหลาย ๆ ด้าน การเรียนรู้ที่จะเข้าสังคม ได้มีโอกาสลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ หรืออาจมีสถานการณ์ที่ต้องแก้ปัญหา และฝึกความอดทนมากขึ้น
จะเห็นได้ว่าการพัฒนาสมองทั้งสองซีกของลูกน้อยให้ทำงานดีมีประสิทธิภาพไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่ส่งเสริมกิจกรรมที่ดีต่อสมอง กระตุ้นให้ลูกได้เล่น หรือได้ใช้เวลาในการร่วมทำกิจกรรมร่วมกัน ให้ลูก ได้ฝึกคิด ฝึกวิเคราะห์บ่อย ๆ และใช้สมองซีกซ้าย สมองซีกขวา ไปพร้อม ๆ กันอย่างสมดุล ก็จะช่วยให้พัฒนาการสมองทั้งสองซีกทำงานได้ดี ทำให้ลูกรักมีศักยภาพและความสามารถในการแสดงออกที่ปลดปล่อยออกมาได้ตามเวลาที่เหมาะสมอย่างเต็มที่
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : www2.dnee.co.th, www.new.smartteen.net
อ่านต่อบทความที่น่าสนใจอื่นๆ
9 แอพ เกมลับสมอง เล่นสนุก เพิ่มรอยหยัก ฝึกความจำ ให้ลูกมีไหวพริบฉลาดยิ่งขึ้น
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่