กระทรวงสาธารณสุขชี้! ยาสมาธิสั้น ไม่ช่วยให้ลูกฉลาดขึ้น
กรณีที่มีผู้ปกครองบางรายว่านำ “ยาเมทิล เฟนิเดต” (methylphenidate) ซึ่งเป็น ยาที่ใช้รักษาเด็กที่มีปัญหาสมาธิสั้น ไปให้บุตรหลานที่เป็นเด็กปกติกิน เพื่อหวังให้มีสมาธิในการเรียนเพิ่มขึ้นนั้น
พญ. วิมลรัตน์ วันเพ็ญ รองผู้อำนวยการ สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ความรู้เกี่ยวกับยาเมทิลเฟนิเดตว่า เป็นยารักษาโรคสมาธิสั้น ออกฤทธิ์ให้เด็กที่มีพฤติกรรมซน ไม่อยู่นิ่ง วู่วาม หุนหัน มีสมาธิมากขึ้น ยาชนิดนี้ราคาไม่แพง แต่ไม่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ส่วนใหญ่จะต้องให้แพทย์สั่งจ่ายเฉพาะที่โรงพยาบาลเท่านั้น
พญ.วิมลรัตน์บอกว่า ยาดังกล่าวนี้จะไปเพิ่ม “สารสื่อประสาท” ในสมองส่วนหน้า เมื่อกินยาแล้ว เด็กจะมีสมาธิกลับมาดีขึ้น แต่ถ้ายาหมดฤทธิ์ก็อาจจะกลับมาไม่อยู่นิ่งเหมือนเดิม การกินยาชนิดนี้ไม่ถือเป็นการรักษาโรคสมาธิสั้น เพียงแต่ยาตัวนี้จะช่วยคุมให้เด็กมีสมาธิมากขึ้น อยู่นิ่งมากขึ้น เมื่อเด็กนิ่งขึ้น หากจะมีการบอกหรือสอนสิ่งอื่นใด จะทำให้เด็กเข้าใจมากขึ้น
ส่วนการที่มีผู้ปกครองบางรายนำยาชนิดนี้ไปให้เด็กปกติกิน จะมีผลอะไรหรือไม่อย่างไรนั้น พญ.วิมลรัตน์กล่าวว่า เชื่อว่าไม่ได้มีผลอะไรกับเด็กมากนัก เพราะยาชนิดนี้ไม่มีผลข้างเคียง แต่หากเด็กที่กินไม่มีความผิดปกติใดๆ ทางสมอง ก็เท่ากับกินยาไปโดยเปล่าประโยชน์ สิ้นเปลืองเงินโดยใช่เหตุ
“เด็กปกติที่ไม่มีสมาธิในการเรียนรู้ในห้องเรียน มีต้นตอของปัญหาคือ ขาดความตั้งใจ มากกว่าป่วยทางสมอง ฉะนั้น ถ้ากินยาเข้าไปก็อาจจะมีผลต่อสมองบ้าง เช่น เมื่อยาหมดฤทธิ์ก็กลับมาเป็นเด็กที่ไม่มีสมาธิ ตามเดิม แต่ไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องความตั้งใจ หรือแก้ที่นิสัยของเด็กคนนั้น” พญ.วิมลรัตน์กล่าว
และหากผู้ปกครองต้องการแก้ปัญหาเด็กปกติที่ไม่มีสมาธิควรจะใช้วิธีการฝึกฝน พูดคุย ทำความเข้าใจ มากกว่าที่จะใช้ยาหรือสารเคมีช่วย ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุดมากกว่า
พญ.วิมลรัตน์ ฝากถึงผู้ปกครองทุกคนว่า อย่าทำลายโอกาสบุตรหลานที่เป็นเด็กปกติ เพราะเขามีโอกาสจะพัฒนาตัวเองต่อไปได้ ถ้าพ่อแม่ใส่ใจดูแลมากกว่าที่จะหันไปพึ่งยา แต่หากผู้ปกครองมัวแต่พึ่งสารเคมี เด็กโตขึ้นก็จะกลายเป็นคนที่ไม่มีความอดทน หรือไม่มีความตั้งใจทำอะไรได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเท่ากับเป็นการทำร้ายเด็กทางอ้อม
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ลูก ซน อยู่ไม่นิ่ง ทำอะไรไม่เสร็จ ทำงานพลาดบ่อย ๆ ขี้ลืม โมโหง่าย หรือมีอาการอื่น ๆ ที่เข้าข่ายว่าอาจเป็นโรคสมาธิสั้น โดยไม่ว่าจะเป็นสมาธิสั้นแท้หรือสมาธิสั้นเทียมก็ตาม ควรพาลูกไปพบจิตแพทย์ หากลูกเป็นโรคสมาธิสั้นแท้ การทานยาและการรักษาที่ถูกต้องจะช่วยให้ลูกมีสมาธิที่ดีขึ้นได้ และหากลูกเป็นโรคสมาธิสั้นเทียม การพูดคุยและปรึกษาปัญหาในครอบครัวกับจิตแพทย์ ก็จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่หาทางออกและมีแนวทางในการเลี้ยงดูลูกให้ถูกต้องต่อไป บางทีคุณพ่อคุณแม่อาจจะทราบถึงเหตุผลที่ลูกซนหรือดื้อจากจิตแพทย์ก็ได้นะคะ
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
ลูกเรียนไม่เก่ง ได้เกรดน้อย ไม่ได้แปลว่า “โง่”
แชร์ประสบการณ์ พาลูกตรวจเช็ก “โรคสมาธิสั้น” พร้อมวิธีแก้
ไม่อยากให้ลูกเป็น “โรคสมาธิสั้น ADHD” หยุดหยิบยื่นสิ่งเหล่านี้
รู้ทันภาวะ “เป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย” ก่อนลูกหยุดสูง
ขอบคุณข้อมูลจาก : นพ. ทรงภูมิ เบญญากร “คุยกับจิตแพทย์เด็ก”, สสส.
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่